ยี่ห้อโบท็อก

ยี่ห้อโบท็อก ในปัจจุบันมีหลากหลายมากค่ะ ทั้งเอเชียและยุโรปซึ่งใครหลายคนประสบปัญหาหน้าบาน กรามใหญ่ แต่ยังลังเลใจว่าฉีดแล้วผลลัพธ์จะอยู่นานแค่ไหน แต่ละจุดฉีดแค่ไหนถึงจะพอดีสำหรับเรา ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่ายี่ห้อโบท็อกที่ดีที่สุดคือตัวไหนแล้วแต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไรตัวไหนบ้างที่ผ่าน อย.ในประเทศไทยแล้ว อย่ารอช้าไปอ่านกันเลย

1.คลายความสงสัยโบท็อกคืออะไร ทำงานยังไงนะ?

สำหรับใครที่สงสัยว่าโบท็อกคืออะไร โบท็อกคือสาร โบทูลินั่มท็อกซิน  (Botulinum Toxin) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ที่จะช่วยทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราวและแถมยังช่วยลดริ้วรอยได้ด้วยค่ะ 

2.รู้ยังโบท็อกไม่ได้ฉีดได้แค่หน้า

ไม่ว่าไหนก็สามารถแก้ไขจุดปรับจุดบกพร่องบนใบหน้าให้ดีขึ้นได้ ซึ่งโดยปกติคนที่ฉีดโบท็อกส่วนมากจะมีปัญหากรามใหญ่ทำให้ดูหน้าบาน หน้าใหญ่ แต่สามารถทำได้มากกว่านั้นค่ะ คนที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยเล็กน้อย รวมไปถึงคนที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าทำให้ดูแก่ก่อนวัย สามารถใช้โบท็อกแก้ไขปัญหานี้ได้แน่นอน นอกจากปัญหาบนใบหน้าแล้ว โบท็อกยังสามารถใช้ฉีดตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายที่มีกล้ามเนื้อ เช่น รักแร้ เพื่อลดเหงื่อได้ด้วย จึงเหมาะมากสำหรับคนเหงื่อเยอะต้องการลดเหงื่อ และคนที่มีปัญหากล้ามเนื้อใหญ่ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อตามจุดต่าง ๆ เช่น น่องและบ่า 

3.ฉีดโบท็อกแต่ละจุดควรใช้กี่ยูนิต

ยี่ห้อโบท็อก ฉีดจุดไหน

การฉีดโบท็อกในเเต่ละตำแหน่งบนใบหน้าจำนวนยูนิตที่ใช้ก็จะเเตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้เป็นหลักค่ะ โดยปัจจุบันโบท็อกอเมริกาจนไปถึงเกาหลีค่อนข้างนิยมมากในขณะนี้ เพราะมีหลายยี่ห้อให้เลือกแต่ไม่ว่าเลือกฉีดยี่ห้อไหน หลังฉีดโบท็อกที่ดีผลลัพธ์หลังทำ ต้องเป็นธรรมชาติ สามารถเเสดงสีหน้าได้ตามปกติ หน้าต้องไม่เเข็งตึง มาดูกันค่ะว่าแต่ละจุดควรฉีดกี่ยูนิต

  • บริเวณกรามควรใช้ 30-40 ยูนิตกำลังดีค่ะ เรื่องปริมาณตรงนี้ก็อาจจะไม่เหมือนกัน ทุกคนนะคะ ขึ้นอยู่กับคนว่ามีกรามใหญ่ หรือกรามเล็กแค่ไหน 
  • ลิฟกรอบหน้า ควรฉีดประมาณ 20 – 30 ยูนิต 
  • ริ้วรอย บริเวณหน้าผาก ควรฉีดไม่เกิน 12 – 16 ยูนิต หากมากกว่านี้อาจจะเกิดปัญหาหน้าผากเเข็งตึง ดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • ริ้วรอย บริเวณระหว่างคิ้ว ควรฉีดประมาณ 12 – 16 ยูนิต หากมากกว่านี้กล้ามเนื้อจะขยับได้ลำบาก เเสดงสีหน้าอารมณ์ได้ยาก 
  • ริ้วรอย บริเวณตีนกา ควรฉีดประมาณ 10 – 16 ยูนิต ถึงจะพอดี หากมากกว่านี้กล้ามเนื้อจะขยับได้ลำบาก หรือหน้าเเข็งตึงมากเกินไป อาจเกิดปัญหา คิ้วกระดก หรือ คิ้วตก หางตาตก ได้ด้วยค่ะ 
  • ริ้วรอย บริเวณรอยย่นที่จมูก ควรฉีดประมาณ ไม่เกิน 6 ยูนิต
  • ปีกจมูก  ฉีดโบท็อก อยู่ที่  4 – 10 ยูนิต ก็ลงเเล้วค่ะเพราะมีพื้นที่เล็กและกล้ามเนื้อน้อย 
  • รักแร้ ควรฉีดประมาณ 50-100 ยูนิต เข้าไปบริเวณรักแร้ 20-30 จุด จะช่วยยับยั้บการทำงานของต่อมเหงื่อและกลิ่นกายบริเวณใต้วงแขน
  • น่อง ควรฉีดข้างละ 200-300 ยูนิตต่อข้าง เพราะเป็นกล้ามเนื้อที่ใช้บ่อยและมีปริมาณกล้ามเนื้อเยอะค่ะ เลยต้องฉีดเยอะ

อย่างไรการฉีดแต่ละยูนิตไม่ว่ายี่ห้อโบท็อกยี่ห้อไหนก็สามารถฉีดได้ค่ะแต่ก็ควรที่จะให้เเพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยประเมินรูปหน้าและส่วนอื่น ๆ ดูก่อน เพื่อผลลัพธ์หลังทำที่ดีเราจะได้มั่นใจด้วยว่าควรฉีดกี่ยูนิตผลลัพธ์จะได้ออกมาดีที่สุดค่ะ

4.มัดรวมยี่ห้อโบท็อก ที่ผ่านอย.ในไทยมีตัวไหนบ้างมาดู

หลายคนเข้าใจการทำงานของโบท็อกกันไปแล้ว มาดูกันบ้างค่ะว่าโบท็อกที่ผ่านอย.ในไทยแล้วมีอะไรบ้าง

1. ALLERGAN (โบท็อกอเมริกา)

โบท็อก

เป็นโบท็อกตัวแรกที่มีการนำมาใช้เพื่อความงาม และมีการวิจัยทางการแพทย์สูงสุด เปรียบเหมือนกระเป๋าแบรนด์เนมชั้นนำดีดีนี่เอง รวมทั้งเกรดคุณภาพ ที่มีความบริสุทธิ์และอ่อนโยนสุด ๆ เป็นที่ยอมรับและมีงานวิจัยจากทั่วโลก จึงมีการใช้มาอย่างยาวนาน ผลลัพธ์อยู่ได้ 8 เดือน – 1 ปี

โบท็อกXeomin

2. Xeomin (โบท็อกเยอรมัน)

โบท็อก ฝั่งยุโรปก็มาอีกแล้วคะอีกหนึ่งยี่ห้อ ซึ่งแบรนด์นี้ได้นำเข้ามาใช้ในไทยได้ไม่นานมากนักแต่เป็นที่นิยมไวมาก โดยจุดขายของเค้าคือ การลดอาการดื้อยาในระยะยาวและเหมาะมากในเคสที่เคยดื้อยามาแล้ว เพราะมีความบริสุทธ์สูงถึง 100% ไม่มีโปรตีนผสม ในเรื่องความอ่อนโยนและคุณภาพก็ไม่แพ้ Allergan เลยค่ะ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8 เดือน – 1 ปี

โบท็อก Nabota

3.NABOTA (โบท็อกเกาหลี) 

โบท็อกที่ราคาไม่แรงมาจากแดนกิมจิซึ่งนำเข้ามาในเมืองไทยนานพอสมควร จุดโดดเด่นหรือจุดขายของแบรนด์นี้คือการเห็นผลรวดเร็วมาก และโอกาสการดื้อยาน้อยสุด ๆ และยังชูเรื่องของความบริสุทธิ์ Botulinum Toxin Type A ที่สูงถึง 98.7%  และยังเป็นแบรนด์เดียวของเกาหลี ที่ได้รับ USFDA อย.ในอเมริกา ซึ่งยิ่งมีความบริสุทธิ์สูงเท่าไหร่การลดลงของกล้ามเนื้อก็จะเห็นผลมากขึ้นเท่านั้น เลยมั่นใจในความปลอดภัยและการเห็นผลที่ดีได้เลย ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5-7 เดือน

โบท็อกเกาหลี Aestox

 4. AESTOX (โบท็อกเกาหลี

เรียกได้ว่าโบท็อกยี่ห้อนี้ตอนนี้เป็นที่นิมยมมาก ๆ เพราะราคาดีเอื้อมถึงง่าย ซึ่งยี่ห้อ AESTOX เป็นตัวใหม่ที่เพิ่งผ่านการรับรองจาก อย.ไทยได้เพียงไม่นาน แต่การันตีเรื่องของการฉีดแล้วมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก หน้าดูไม่แข็ง เห็นผลดีสำหรับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ โดยตอนนี้ยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยกลายเป็นโบท็อกเกาหลีอีกหนึ่งตัวในปัจจุบันที่หลายคลินิกเลือกใช้ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

โบท็อก Dysport

5. Dysport (โบท็อกอังกฤษ)

เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยม เห็นผลรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้โบท็อกหรือการทำ Dermolift (เทคนิคการใช้โบท็อกลิฟกรอบหน้า) ทำให้หน้ากระชับแบบเร่งด่วนเหมาะสำหรับฉีดบริเวณกว้าง ๆ เช่น น่องและรักแร้ แต่เจ้าตัวนี้ผลลัพธ์อาจมีระยะเวลาที่สั้นกว่า เพราะกระจายตัวกว้าง จึงไม่เหมาะกับการฉีดลดริ้วรอยและกรามในบริเวณแคบ ๆ อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

โบท็อก Hugel

6.Hugel (โบท็อกเกาหลี)

โบท็อกยี่ห้อนี้ส่งมาจากแดนกิมจิอีกแล้วค่ะ มีข้อดีคือออกฤทธิ์ไวและเหมาะมากสำหรับการฉีดริ้วรอยบนใบหน้ามีความบริสุทธิ์ของโบท็อกสูง 99.51% ช่วยป้องกันการดื้อยา แต่อย่างไรก็ตามโบท็อกยี่ห้อนี้สลายไวมากเช่นกัน อยู่ได้นาน 3-6 เดือน

โบท็อก clodew

7.Clodew (โบท็อกเกาหลี)

แบรนด์นี้ส่งตรงมาจากเกาหลีอีกเช่นเคย มีจุดเด่นในเรื่องลิฟกรอบหน้าเช่นกันซึ่งมีความอ่อนโยนและธรรมชาติ แต่ด้วยความธรรมชาติจึงทำให้อยู่ได้ไม่นานมาก อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

โบท็อก Botulax

8.Botulax (โบท็อกเกาหลี)

ไม่แผ่วเลยนะคะกับประเทศเกาหลีที่ออกยี่ห้อโบท็อกอย่าง Botolax ออกมาซึ่งพัฒนามาจาก Allergan จุดเด่นคือเห็นผลไวและเหมาะมากค่ะเหมาะสำหรับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และอยู่ในประเทศของเรามายาวนานซึ่งหลาย ๆ คนต้องเคยได้ยินชัวร์ค่ะ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

โบท็อก BTXA

9.BTXA (โบท็อกฮ่องกง)

มาเปลี่ยนประเทศกันบ้างค่ะกับโบท็อกฮ่องกงแบรนด์นี้ที่มีความบริสุทธิ์ของโบท็อกสูงถึง 99.5 เปอร์เซ็นต์และราคาดีมาก ซึ่งจุดเด่นของโบท็อกตัวนี้ คือการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าเราจะสามารถเห็นผลได้ทันทีภายใน 2-3 วัน หรือ 1 อาทิตย์เเรก แต่สลายไวเช่นกันแถมมีของปลอมเยอะ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือน

5.โบท็อกฉีดนานเท่าไหร่ถึงจะเห็นผลนะ

ไม่ว่ายี่ห้อโบท็อกไหนทั้งยุโรป  หรือ เอเชีย ผลคือลดกล้ามเนื้อ ยกกรอบหน้า และลดริ้วรอยบนใบหน้าได้อยู่แล้ว แต่ฉีดนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล ขอตอบว่าการออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ของ โบท็อก ไม่ว่าโบท็อกแบรนด์ไหนทั้งโบท็อกเยอรมันจนไปถึงโบท็อกเกาหลี จะเห็นผลลัพธ์ชัด ๆ ในเวลาที่เท่า ๆ กันค่ะ โดยระยะเวลาในการกระจายตัวและทำงานเต็มที่อยู่ในระยะเวลาตามนี้ค่ะ

  • ลิฟหน้า จะเห็นผลได้ทันทีหลังจากฉีดและจะเห็นผลอย่างชัดเจนใน 2 สัปดาห์
  • ฉีดกรามจึงจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 2 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนที่ 1 เดือนค่ะ 
  • ฉีดลดริ้วรอย ตั้งแต่ 1 สัปดาห์และเห็นผลชัดเจนที่ 2 สัปดาห์ค่ะ
  • ฉีดลดปีกจมูกเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 2 – 4 สัปดาห์กันเลย
  • ฉีดลดเหงื่อรักแร้จะเริ่มเห็นผลที่ 2 สัปดาห์
  • ลดน่องหลังฉีดจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่  2-4 สัปดาห์

6.การดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดโบท็อก

  1. สัปดาห์แรก ก่อนฉีดไม่ว่าโบท็อกเกาหลีหรืออเมริกาก็ควรงดทานยาเเละ อาหารเสริมวิตามิน สมุนไพร โสม ยาแก้อักเสบหรือแอสไพริน ยาละลายลิ่มเลือด น้ำมันตับปลาและแปะก๊วย รวมถึงบุหรี่และแอลกอฮอล์เพราะจะทำให้เลือดหยุดช้าและเกิดรอยช้ำได้ง่าย
  2. หลังฉีดโบท็อกในแต่ละบริเวณ ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อจุดที่ฉีดทันที 1-2 ครั้งเพื่อช่วยให้ยากระจายตัวได้ดีขึ้นค่ะ
  3. หลังฉีดโบท็อกควรงดนอนราบ 3 ชม.และหลีกเลี่ยงการจับจุดที่ฉีดมาเพราะตัวยาอาจไหลได้
  4. ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด และกิจกรรมที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โบท็อกย่อยสลายไวขึ้น เช่น การอบซาวน่า งดไปก่อนนะคะ
  5. ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม ไม่ถี่เกินไปภายในระยะเวลา 3 เดือน และไม่ควรเว้นระยะห่างเกินระยะเวลา 5-6 เดือนเพื่อป้องกัน การดื้อโบท็อก

7.อันตรายจากโบท็อกปลอม 

พลาดไม่ได้เลยค่ะกับหัวข้อนี้เพราะบางคนไม่รู้แล้วไปฉีดโบท็อกกับหมอกระเป๋าซึ่งทำให้มีผลเสียตามมาดังนี้ค่ะ

ฉีดบ่อยๆ จะดื้อยา ดื้อโบท็อกจริงไหม?

ปกติแล้ว ยี่ห้อโบท็อกทุกยี่ห้อที่ผ่านอย.จะมีคุณภาพดีซึ่งจะมีผลต่อการกระตุ้น ภูมิร่างกายได้น้อย เพราะเป็นโปรตีนบริสุทธิ์ ยิ่งบางยี่ห้อที่บริสุทธิ์มาก ๆ การดื้อโบท็อกแทบจะไม่มีเลย เช่นโบท็อก Allergan และ Xeomin ที่มีความบริสุทธิ์สูง ร่างกายจะไม่เกิดการต่อต้านตัวยา และสร้างแอนตี้บอดี้ (Anti-Body) ทำให้ไม่เกิดการดื้อโบท็อกแน่นอนค่ะ ซึ่งถ้าหากเราเลือกฉีดกับหมอกระเป๋า ก็จะสามารถทำให้เกิดอาการดื้อยาได้ค่ะ เนื่องจากเป็นหมอที่ไม่รู้เทคนิค การฉีดที่แม่นยำและใช้โบท็อกที่ไร้คุณภาพ ซึ่งต่อไปจะไปฉีดโบท็อกของแท้ ที่ไหนก็อาจจะไม่เห็นผลลัพธ์อีกเลย

ฉีดโบท็อก แล้วไม่เห็นผลเลย

ฉีดแล้วผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเพราะด้วยความที่ยี่ห้อโบท็อกปลอมทุกแบรนด์อย่างไรก็เป็นของ ปลอมไม่ผ่านมาตรฐาน อย. ของปลอมบางตัวอาจได้ผลในระยะสั้นประมาณหนึ่งเดือน เสียเวลาแล้วยังเสียเงินซ้ำซ้อนอีกแน่นอน

เสี่ยงเกิดการติดเชื้อหลังฉีด

หากเป็นยี่ห้อโบท็อกปลอมทุกยี่ห้อเราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในตัวยานั้น ประกอบด้วยสารอะไรบ้างอาจจะมีสารอันตรายปะปนมาด้วยเมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วก็มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อ หรืออาการแพ้เกิดขึ้นได้ค่ะ

เกิดผลข้างเคียงหลังการฉีด

หนักสุดคือทำให้เกิดผลแทรกซ้อนจากการกระจายตัวของยาที่มากกว่าของจริง เพราะน้ำหนักโมเลกุลไม่เท่ากัน จึงมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น หนังตาตก คิ้วตก ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่อยากให้เกิดอาการแบบนี้ อย่าไปฉีดโบท็อกปลอมนะคะ 

8.เลือกฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุดกันแน่

สรุปสำหรับหลายคนที่ลังเลว่า โบท็อกตัวไหนดีที่สุด ควรฉีดตัวไหนถึงจะดีที่สุด ขอตอบเลยนะคะ ว่าแต่ละตัวของโบท็อก ที่ได้มาตรฐานและผ่าน อย.ล้วนดีหมดเพราะผ่านการับรองจากกรมอาหารและยามาแล้วว่าปลอดภัย ในเรื่องของการลดกล้ามเนื้อจนไปถึงลดริ้วรอยจึงได้ผลแน่นอนค่ะ แต่สรรพคุณที่ต่างกันจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของโบท็อก แต่ละตัวมากกว่าว่าแต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่นเรามีงบเยอะหน่อยก็เลือกฉีด โบท็อก Allergan ไปเลยเพราะผลอยู่ได้นานและลงเยอะแน่นอน แต่ถ้าหากใครงบน้อยลงมาสามารถฉีดโบท็อกเกาหลี อย่าง Aestox ได้เพราะลงไวเช่นกันเพียงแต่ระยะเวลาอาจจะอยู่ได้สั้นกว่า Allergan นั่นเอง

เอาหล่ะค่ะ ทีนี้เข้าใจแล้วใช่มั้ยคะว่าการฉีดโบท็อกคืออะไร มียี่ห้อโบท็อกไหนบ้างที่ผ่าน อย.ไทย และต่างกันยังไง ช่วยอะไรบ้าง โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด ซึ่งสำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าเราฉีดโบท็อกจุดไหนดีอย่ารอช้าค่ะปรึกษาและสอบถามเราได้เลย แล้วมาสวยไปด้วยกันนะคะ