ฟิลเลอร์ Juvederm สัญชาติสหรัฐอเมริกา เป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อเด็ดที่ใช้แก้ปัญหา ริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้าทุกจุดได้เป็นดี ถึงขนาดที่คลินิกความงามและแพทย์ทั่วโลกเลือกนำมาใช้ปรับรูปหน้าให้คนไข้ ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ทุกคนวางใจคืออะไร มาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยค่ะ
ฟิลเลอร์ Juvederm ต่างจากยี่ห้ออื่นยังไง มีอะไรพิเศษกว่า
สิ่งที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากฟิลเลอร์แท้ของ Juvederm ทุกรุ่นจะมีส่วนผสมของยาชา ซึ่งทำให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บขณะฉีด อีกอย่างที่พิเศษ คือ ใช้เทคโนโลยี Hylacross และ Vycross ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Juvederm ค่ะ ซึ่ง 2 เทคโนโลยีนี้มีความสามารถอะไร มาอ่านต่อไปด้วยกันเลย
เทคโนโลยี Hylacross Technology
เป็นเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการอุ้มน้ำ ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เหมาะกับใช้รักษาในบริเวณที่ต้องการเติมเต็มเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการขยับได้ดี จึงมักใช้ฉีดบริเวณร่องแก้ม หรือ ร่องลึกต่าง ๆ เพราะเป็นบริเวณมีการขยับบ่อย จากการพูด ยิ้ม หรือแสดงสีหน้าค่ะ ในทางกลับกันเพราะทำหน้าที่อุ้มน้ำได้ดี แพทย์ที่ฉีดจึงต้องมีความเชี่ยวชาญสูง กำหนดปริมาณที่เหมาะสม มีฝีมือลงเข็มที่แม่นยำ ไม่เช่นนั้นคนไข้จะเกิดอาการบวมได้ง่ายต่อให้ใช้ฟิลเลอร์แท้นั่นเอง
เทคโนโลยี Vycross Technology
เทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับการพัฒนาโมเลกุลให้มีความหนาแน่นยึดเกาะดีมากกว่าเดิม ซึ่งเพิ่มความสามารถในการยกกระชับ ความเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฉีดได้ทุกจุดบนใบหน้า แต่เรื่องผิวอิ่มฟู อุ้มน้ำ ยังน้อยกว่า Hylacross ค่ะ
ฟิลเลอร์ Juvederm มีเนื้อแบบไหนบ้าง
ฟิลเลอร์แท้ Juvederm จะมีเนื้อครบทั้งหมด 3 ประเภท คือ เนื้อแข็ง เนื้อกลาง และ เนื้อนิ่ม ซึ่งแปลว่ายี่ห้อนี้สามารถใช้ฉีดได้ทุกจุดบนใบหน้า แต่ว่ายังมีการจำแนกรุ่นแยกย่อยไปอีกหลายหลาย โดยปกติแพทย์จะแนะนำรุ่นที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคนไข้ตามลักษณะของเนื้อ ดังนี้ค่ะ
1. เนื้อแข็ง
ฟิลเลอร์เนื้อแข็งจะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน และยืดหยุ่นสูง (Good Elasticity) เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการขึ้นรูป ปั้นทรง เพื่อเพิ่มมิติให้กับรูปหน้าได้อย่างชัดเจน เช่น
- ฟิลเลอร์แก้ม
- ฟิลเลอร์คาง
- ฟิลเลอร์ขมับ
- ฟิลเลอร์จมูก
- ฟิลเลอร์กรอบหน้า
2. เนื้อกลาง
เนื้อมีความคล้ายกับประเภทเนื้อแข็งแต่ค่อนข้างยิดหยุ่นออกไปทางนิ่มมากกว่า ยังคงตัวได้ดี ค่อนข้างปั้นทรงง่าย เหมาะกับผู้ที่มีผิวบางและชอบความเป็นธรรมชาติ นุ่มนวล บริเวณที่แนะนำคือ
- ฟิลเลอร์หน้าผาก
- ฟิลเลอร์ปาก
- ฟิลเลอร์ขมับ
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม และ ร่องน้ำหมาก
3. เนื้อนิ่ม
เนื้อมีความเหลว ยืดหยุ่น แต่การคงรูปต่ำ คล้ายไข่ขาวที่ยังไม่สุก แต่จุดเด่นคือกลืนเข้ากับผิวได้มากที่สุด เหมือนเติมน้ำให้ผิวดูฉ่ำวาว เรียบเนียน ชั้นผิวดูหนาขึ้น เหมาะกับบริเวณที่บอบบาง และสามารถฉีดเพื่อแก้ปากแห้งได้อีกด้วยค่ะ เช่น
- ฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องน้ำตา
- ฟิลเลอร์ริ้วรอย
- ฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ Juvederm มีทั้งหมดกี่รุ่น แต่ละรุ่นใช้ฉีดจุดไหนได้บ้าง
Juvederm มีทั้งหมด 7 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการฉีด ระยะเวลาที่คงสภาพอยู่ในผิว และประเภทเนื้อที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. Juvederm Ultra
เป็นรุ่นที่มีเนื้อนิ่มเรียบ จึงกลืนเข้ากับผิวได้ดี ดูฉ่ำวาวอิ่มฟู เหมาะกับบริเวณที่บอบบาง เช่น ริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ และ นิยมฉีดฟิลเลอร์ขมับ
เทคโนโลยี : Hylacross
อยู่ได้นาน : 8-12 เดือน
ประเภทเนื้อ : เนื้อนิ่ม
2. Juvederm Ultra Plus
เป็นอีกรุ่นที่มีเนื้อนิ่ม อุ่มน้ำได้มาก หลังจากฉีดในบริเวณที่เหมาะสมผิวจะฟู ดูสุขภาพดีและมีความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ จุดที่แนะนำให้ฉีดจะเป็น ขมับ คาง และฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะช่วยเติมเต็มบริเวณที่หายไปต่าง ๆ ให้สวยมากขึ้นได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยี : Hylacross
อยู่ได้นาน : 12 เดือน
ประเภทเนื้อ : เนื้อนิ่ม
3. Juvederm Volux
เป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาให้มีโมเลกุลขนาดใหญ่ หนาแน่น คงรูปได้ดี และมีเนื้อแข็งมากที่สุด จึงควรฉีดในบริเวณที่ต้องการปั้นรูปทรง เช่น กรอบหน้า สันกราม และ คาง ให้มีความคมชัดดูมีมิติยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี : Vycross
อยู่ได้นาน : 18-24 เดือน
ประเภทเนื้อ : เนื้อแข็ง
4. Juvederm Voluma
เป็นรุ่นเนื้อแข็งและมีโมเลกุลใหญ่ ช่วยยกกระชับใบหน้าได้ดีแต่ก็มีความยืดหยุ่นสูง หลังฉีดผิวจึงเรียบเนียนไม่เป็นก้อน ควรฉีดรุ่นนี้บริเวณขมับ ร่องแก้ม คาง และ กรอบหน้า
เทคโนโลยี : Vycross
อยู่ได้นาน : 18-24 เดือน
ประเภทเนื้อ : เนื้อแข็ง
5. Juvederm Volift
มีเนื้อที่ค่อนข้างนิ่ม เก็ยรายละเอียดเพื่อเติมเต็มริ้วรอย ร่องตื้นต่าง ๆ ได้ดี เช่น ร่องแก้ม แก้มตอบ ขมับ ใต้ตาลึก และ ฟิลเลอร์ปาก
เทคโนโลยี : Vycross
อยู่ได้นาน : 6-8 เดือน
ประเภทเนื้อ : เนื้อนิ่ม
6. Juvederm Volbella
ลักษณะเนื้อของรุ่นนี้จะอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างไปทางนิ่ม เพราะมีโมเลกุลขนาดเล็กและละเอียด เหมาะกับบริเวณที่บอบบางแต่ต้องการความเรียบเนียน เช่น ฟิลเลอร์ใต้ตา และ ริมฝีปาก
เทคโนโลยี : Vycross
อยู่ได้นาน : 8-12 เดือน
ประเภทเนื้อ : เนื้อกลาง
7. Juvederm Volite
เป็นรุ่นที่มีเนื้อนิ่มบางเบาเป็นพิเศษ สามารถฉีดไปถึงชั้นหนังแท้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และบำรุงผิวให้มีความเป็นธรรมชาติได้ เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวหน้า ริ้วรอยใต้ตา ให้ชั้นผิวดูหนาขึ้น
เทคโนโลยี : Vycross
อยู่ได้นาน : 6-8 เดือน
ประเภทเนื้อ : เนื้อนิ่ม
โดยรุ่นที่โดดเด่นในเรื่องความเรียบเนียน จะเป็น Juvederm Voluma , Juvederm Volbella และ Juvederm Ultra Plus
วิธีเช็คฟิลเลอร์แท้ Juvederm สังเกตยังไง
วิธีสังเกตขั้นพื้นฐานคือ แพทย์ต้องแกะกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้า เพื่อรับรองให้คนไข้มั่นใจว่าใช้ตัวยาของแท้จริง ๆ และในเรื่องของฟิลเลอร์แท้ ราคาเท่าไหร่ อาจจะดูคร่าว ๆ จากการเปรียบเทียบหลาย ๆ คลินิกก็ได้ค่ะ ด้วยประสิทธิภาพของ Juvederm ราคาจะไม่ต่ำจนผิดปกติ แต่ถ้าแพงเกินไปก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุดจะเป็นเลขทะเบียน อย. ซึ่งวิธีตรวจสอบมีดังนี้
- มีเลขทะเบียนอย. และเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
- หลังจากแกะกล่องออกมาใหม่ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าซีลอุปกรณ์ภายในยังไม่ถูกแกะ
- กล่องมี 2 cc และเลข lot ต้องตรงกัน 4 จุด คือ
- เลข lot ที่กล่อง
- เลข lot ที่ซอง
- เลข lot ที่สติกเกอร์
- เลข lot ที่หลอด
- สามารถโทรเช็กเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02 640 4999 ต่อ 1
สำหรับโซวอน คลินิก Jevederm ฟิลเลอร์แท้ ราคา 20,000 บาท ลดเหลือ 12,900 บาท
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
- ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูรีวิว ข้อมูลของแพทย์และคลินิก รวมถึงเทคนิคที่แพทย์เลือกใช้ รวมไปถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้ ผ่านการรับรอง มีอย. จริงหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าจริง ๆ
- งดยา อาหารเสริม และวิตามินบางชนิดก่อนฉีด เช่น Aspirin Ibruprofen และ Vitamin E
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ประมาณ 1-3 วัน
- แจ้งข้อมูลที่จำเป็น เช่น โรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำให้แพทย์ทราบก่อนเริ่มรักษา
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
- ทำความสะอาดใบหน้า ล้างเครื่องสำอางก่อนฉีดฟิลเลอร์
- แพทย์แกะกล่องฟิลเลอร์ให้คนไข้ดูต่อหน้า และสอนวิธีเช็คฟิลเลอร์แท้
- ประคบน้ำแข็งในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ความเย็นช่วยลดความเจ็บจากเข็ม
- แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ในจุดที่คนไข้ต้องการเต็มเติม
- เมื่อฉีดเสร็จ แพทย์จะสอนวิธีดูแลตัวเองเพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานเต็มประสิทธิภาพ
ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
สำหรับผู้ที่กังวลว่าหลังฉีดจะเกิดผลข้างเคียงอะไรหรือไม่ คำตอบคือ นอกจากรอยแดงจากเข็มที่จะหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน และอาการบวมก่อนฟิลเลอร์จะเข้าที่ ก็ไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรงอะไรแล้วค่ะ หากใช้ฟิลเลอร์แท้ และแพทย์มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงรักษากับคลินิกที่มีมาตรฐานจริง ๆ พอครบ 7- 14 วัน ฟิลเลอร์ก็จะอิ่มฟูเต็มที่ เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นเอง
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
- หลีกเลี่ยงการบีบ นวด กดในจุดที่ฉีด เพราะฟิลเลอร์อาจไหลเคลื่อนผิดรูปได้
- ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากกว่าปกติ อย่างน้อย 1.5-2 ลิตร จะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มฟูยิ่งขึ้นและอยู่ได้นานมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 วันแรกหลังฉีดไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังฉีด
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 2 สัปดาห์ เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
- ควรงดทานอาหารบางอย่างที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวม และทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้า เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง อาหารดิบ และอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ เช่น ชาบู หมูกระทะ
- นอนหมอนสูง หรือใช้หมอนรองคอช่วยยกหัวให้สูงกว่าหัวใจ ใน 2-3 คืนแรกหลังฉีด
วิธีเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์
การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ที่ดี ไม่ได้มีวิธียุ่งยากแต่ก็จำเป็นมากที่จะต้องหาข้อมูลก่อน ซึ่งหลักการตรวจสอบก็สังเกตได้จาก 5 สิ่งง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
- คลินิกมีใบอนุญาต 11 หลักประกอบกิจการ ปกติจะติดไว้หน้าคลินิกเพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตและตรวจสอบ
- เเพทย์มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญเฉาพะทาง รู้จุดฉีดและลงเข็มได้อย่างแม่นยำ เพื่อปรับรูปหน้า สามารถตรวจสอบได้โดยนำชื่อ-นามสกุล แพทย์ที่สนใจไปกรอกในเว็บไซต์แพทยสภา
- ผลิตภัณฑ์ต้องผ่าน อย. เป็นฟิลเลอร์แท้ 100% แพทย์เปิดกล่องให้ดูต่อหน้า ราคาสมเหตุสมผล และคำนึงถึงประสบการณ์ ความชำนาญและเทคนิคที่คุณหมอเลือกใช้มากที่สุดค่ะ
- มีรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง ว่าเป็นที่น่าประทับใจหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้
- ความสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากต้องเข้ามาติดตามผลลัพธ์หลังการรักษา หรือเวลาเกิดปัญหาจะได้เข้าคลินิกมาให้ทีมแพทย์ช่วยเหลือได้ทัน
เป็นอันว่าหายข้องใจกันแล้วนะคะ กับคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับ Juvederm ที่ว่าแตกต่างจากยี่ห้ออื่นยังไง มีรุ่นอะไร ราคาเท่าไหร่ มีวิธีสังเกตของแท้ยังไงบ้าง หวังว่าบทความนี้คงช่วยคลายข้อสงสัยให้ทุกคนได้แล้วนะคะ หากใครมีคำถามสามารถอ่านบทความตอบคำถาม ฟิลเลอร์ ยอดฮิต ไม่คลิกอ่านไหวหรอ!?เพิ่มเติม หรือทักมาสอบถามกับทางโซวอน คลินิก ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เลยค่ะ