หน้าเหี่ยว เพราะของกินมีจริงหรอ เชื่อว่าหลายคนล้วนมีของกินที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเป็นของคาวจนไปถึงของหวาน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ชอบทานไป ทำงานไป ซึ่งรู้ไหมคะว่าการทานอาหารที่ตัวเองชื่นชอบโดยไม่คิดอะไร อาจจะมีผลเสียที่ส่งผลให้หน้าแก่ก่อนวัยอันควรแถมยังน้ำหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้ค่ะโดยจะมี อาหารอะไรบ้างมาดูเลย
เมนูไหนยิ่งกินหน้ายิ่งเหี่ยว
1. น้ำหวานทำลายอีลาสติน
ศัตรูตัวร้ายที่หลายคนคาดไม่ถึงว่าจะส่งผลเสียเพราะ น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลม มีความหวานที่ได้จากน้ำตาล ซึ่งนี่แหละคือตัวร้ายที่คอยทำลายความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณเราเลยนะ เพราะเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากจะทำให้เซลล์ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวไม่เรียบเนียน หน้าแก่และมีเกิดริ้วรอย เพราะถูกน้ำตาลทำลายโครงสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นผิวหนังของเรานั่นเองค่ะ
2.คาเฟอีนเพิ่มริ้วรอย
หลายคนคิดว่าคาเฟอีนมีแค่ในกาแฟเท่านั้น แต่รู้หรือไม่คะว่าคาเฟอีนยังมีอยู่ในโกโก้ ชา จนไปถึงเครื่องดื่มชูกำลังแถมอาหารทานเล่นอย่าง เช่น เมล็ดทานตะวันก็มีสารที่มีคาเฟอีนเช่นกันค่ะ ซึ่งถ้าหากรับปริมาณที่มากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น สาวออฟฟิศ ที่ดื่มกาแฟเช้าแก้ว บ่ายอีกแก้ว จนเป็นกิจวัตรประจำวันเมื่อร่างกายจะได้รับคาเฟอีนมากเกินไป นอกจากจะทำให้ส่งผลต่อการนอนหลับยากแล้ว ยังทำให้หน้าเหี่ยวก่อนวัยแน่นอนเพราะคาเฟอีนส่งผลให้ร่างกายขับน้ำบ่อยซึ่งจะสูญเสียน้ำเพราะดื่มไม่เพียงพอ ทางที่ควรดีกินกาแฟ 1 แก้ว ต่อน้ำ 1 แก้ว จะเข้าไปทดแทนได้ โดยเลือกทานเป็นกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลจะยิ่งดีต่อร่างกายค่ะ
3.ลูกอม ลูกกวาด หวานไร้ประโยชน์
โดยปกติชาวออฟฟิศส่วนมากชอบแก้ง่วงระหว่างวันด้วยการทานลูกอม หรือลูกกวาด บอกเลยค่ะว่าพลาดเพิ่มอายุบนใบหน้าให้ตัวเองแล้วค่ะ เพราะลูกอมหรือลูกกวาด มีน้ำตาลสูงมาก ซึ่งน้ำตาลในลูกอมหรือลูกกวาดก็เป็นน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการแปรรูป รวมทั้งปรุงแต่งรสชาติมาแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่าความหวานเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อผิวพรรณ ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย ร่องลึกได้ง่าย หน้าเหี่ยวได้เพราะสูญเสียความยืดหยุ่นนั่นเอง
4.จังก์ฟู้ดแหล่งรวมไขมันทรานส์
มนุษย์ออฟฟิศเป็นคนที่ต้องคอยแข่งกับเวลาทั้งตอนเช้าที่ต้องคอยหาอาหารที่ทานได้รวดเร็วแล้ว อิ่มท้อง จังก์ฟู้ดจึงเป็นคำตอบสำหรับอาหารประเภทแรก ๆ เช่น แฮมเบอร์เกอร์ จนไปถึงไก่ทอดชิ้นโต แต่รู้หรือไม่คะว่าอาหารพวกนี้มีไขมันทรานส์สูงมาก จนไปถึงการทอดในน้ำมันซ้ำไปซ้ำมา เพราะการทำแบบนี้นอกจากจะเสี่ยงมะเร็งแล้ว หน้าเเก่แน่นอนค่ะเพราะหากร่างกายได้รับน้ำมันที่ไม่ดีเพราะน้ำมันเก่ามีสารอนุมูลอิสระและหากเราทานจังก์ฟู้ดมากเท่าไหร่ไขมันทรานส์ก็จะมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้หลอดเลือดแดงอุดตัน และทำให้เลือดไหลเวียนลำบาก
5.เบเกอรี่มีแต่ผลเสีย
ไม่พูดถึงไม่ได้ค่ะกับอาหารประเภทนี้ เพราะมีมากมายหลายชนิดทั้ง เค้ก ขนมปัง เนย นม จนไปถึง คุกกี้ ซึ่งอาหารประเภทนี้มีมาเกอรีนเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยค่ะ นั่นถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีไขมันทรานส์และน้ำตาลในจำนวนที่สูงมาก ดังนั้นมนุษย์ออฟฟิศทุกคนก่อนจะทานอาหารประเภทนี้ต้องคำนึงดี ๆ ถ้าไม่อยากมีริ้วรอย
6.แป้งขัดข้าวศัตรูผิวพรรณ
คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวหรือแป้งขัดขาวอย่าง อาหารประเภทเส้น ก๋วยเตี๋ยวหลอด ซาลาเปา หมั่นโถว หรือแม้แต่ข้าวเหนียวทั้งหลายคือ คาร์โบไฮเดรตเหล่านี้ร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลในลำดับสุดท้าย ซึ่งนอกจากความหวาน ความอ้วน ในกรณีที่ร่างกายเผาผลาญพลังงานส่วนเกินได้ไม่หมด ความแก่ก็อาจมาเยือนมนุษย์ออฟฟิศได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นควรเลือกทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนให้มากกว่าเชิงเดี่ยวนะคะ
7. อาหารทอดด้วยน้ำมันซ้ำซาก ผิวหย่อนคล้อย
เชื่อว่าหน้าออฟฟิศต้องมีเมนูของทอดอร่อย ๆ เช่น ปาท่องโก๋ กล้วยทอด ทอดมัน ที่เหล่าชาวออฟฟิศชื่นชอบ แต่รู้ไหมคะว่าอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำบ่อย ๆ เหล่านี้ส่งผลอันตรายต่อผิวพรรณและความอ่อนเยาว์บนใบหน้าของเรามากเนื่องจากอาหารประเภทนี้จะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการทอดจากน้ำมันเก่า ซึ่งอนุมูลอิสระก็เป็นสาเหตุของริ้วรอยทำให้หน้าเหี่ยวย่น ความเต่งตึงลดลงด้วยค่ะ
8.หมูปิ้ง ไก่ปิ้งไขมันสูงปรี้ด
พูดถึงจังก์ฟู้ดไปแล้วถึงคราวของอาหารปิ้งย่างที่มนุษย์ออฟฟิศหลายคนโปรดปรานแน่นอน เพราะราคาไม่แพงและอร่อย และยังค่อนข้างจะสะดวกรวดเร็ว ใช้เวลารับประทานเพียงไม่นานก็อิ่มอยู่ท้อง แต่จะมองแค่ความอร่อยคงไม่ได้เพราะเมนูปิ้งย่างก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำหน้าแก่ก่อนวัย เพราะเป็นอาหารที่มีไขมันสูงมากแล้ว ในกระบวนการปิ้งก็จะทำให้หมู้ปิ้งหรือไก่ปิ้งได้รับสารอนุมูลอิสระมาจากการเผาไหม้ด้วย ระวังนะคะทานเยอะ ๆ อร่อยก็จริงแต่อาจจะหน้าแก่ไม่รู้ตัว
9.ขนมกรุบกรอบโซเดียมเยอะ
เป็นอาหารอีกหนึ่งประเภทที่ไม่ว่าวัยไหนก็ชื่นชอบตั้งแต่วัยเด็ก จนไปถึงวัยกลางคนอย่างชาวออฟฟิศ เพราะเป็นอาหารที่แก้เบื่อ แก้ง่วงระหว่างทำงานได้ดีมาก เช่น พวกมันฝรั่งทอดกรอบถุง ๆ ซึ่งนอกจากขนมเหล่านี้จะมีโซเดียมสูงแล้ว พวกสารสังเคราะห์ในขนมกรุบกรอบยังเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก ซึ่งหากใครติดกินขนมกรุบกรอบในยามบ่ายทุกวัน นอกจากน้ำหนักอาจจะขึ้น ตัวบวมเพราะโซเดียมแล้ว เซลล์ผิวอาจได้รับผลกระทบ ก่อให้ผิวขาดความชุ่มชื้น เกิดสิว ริ้วรอย ทำให้หน้าแก่ด้วยค่ะ
10.ของหมักดอง เซลล์เสื่อม
อาหารแปรรูปอย่างของหมักของดอง แม้จะเป็น ผลไม้ดอง ก็จัดว่าเป็นเมนูอาหารที่มีสารสังเคราะห์ค่อนข้างสูง อีกทั้งในผลไม้ดองยังมีปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก ยิ่งใครชอบกินผลไม้แช่อิ่มก็คงติดใจเพราะรสชาติหวาน ๆ ของผลไม้แปรรูปเหล่านี้ใช่ไหมล่ะคะ โดยเฉพาะชาวออฟฟิศที่ชอบทานเล่น เพราะแก้เบื่อ และแก้ง่วงได้ดี ทานเพลิน ทว่าอยากให้นึกถึงโทษของอาหารแปรรูปกันไว้ด้วย เนื่องจากอาหารแปรรูปอย่าง ผลไม้หมักดอง มักจะมีปริมาณโซเดียมและน้ำตาลค่อนข้างมาก จัดเป็นอาหารที่ทำลายเซลล์ผิวหนังให้เสื่อมเร็วซึ่งจะทำให้หน้าแก่ก่อนวัยด้วยนะคะ
อาหารแก้เบื่อระหว่างทำงานกินดี มีประโยชน์
1.ชาเขียวต้านริ้วรอย
เปลี่ยนจากดื่มกาแฟ น้ำอัดลม น้ำหวาน มาดื่มชาเขียวกันดีกว่าค่ะ เพราะนอกจากอร่อยยังดีต่อสุขภาพแล้ว ยังดีต่อผิวพรรณอีกด้วยซึ่งในชาเขียวนั้นอุดมไปด้วย แคทีชิน(catechins)ที่มีส่วนช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดีรวมถึงชาเขียวยังมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ลดอาการผิวแดงเนื่องจากแสงแดด พร้อมป้องกันการเกิดริ้วรอยต่างๆ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นช่วยชะลอไม่ให้หน้าแก่แน่นอนค่ะ แต่อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้เป็นชาเขียวหวานน้อย หรือไม่ใส่น้ำตาลจะดีที่สุด
2.น้ำเต้าหู้ หรือ เต้าหู้นึ่งสร้างความยืดหยุ่น
น้ำเต้าหู้ หรือ เต้าหู้นึ่งมีสารที่ชื่อว่า ไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ซึ่งเป็นสารที่มีในถั่วเหลืองโดยจะช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ชะลอความแก่ได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่า ถั่วเหลืองในปริมาณ 40 มก. ต่อวัน ช่วยลดเลือนริ้วรอยช่วยไม่ให้หน้าแก่และยังเสริมความยืดหยุ่นของผิวให้ดีขึ้นหลังจากทานไปแล้ว 8-12 สัปดาห์ด้วยค่ะ
3.โยเกิร์ตซ่อมแซมผิว
ของโปรดของสาว ๆ หลายคน ที่ถูกมองข้ามระหว่างวันเพราะกลัวไม่อยู่ท้อง จึงไปเลือกทานขนมกรุบกรอบแทน ซึ่งไม่ดีเลยค่ะ เพราะโยเกิร์ตนอกจากจะช่วยให้ขับถ่ายง่ายแล้ว ยังมีแคลเซียมและโปรตีนชั้นดีที่จะช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้นได้ และช่วยไม่ให้หน้าเหี่ยว วิตามินหลายชนิดที่ช่วยบำรุงผิวพรรณด้วยค่ะ โดยการนำมาทานคู่กับผลไม้หรือธัญพืชจะช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้นและอร่อยไปอีกแบบด้วยนะ
4.อะโวคาโดผิวนุ่มเด้ง
ในอะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อร่างกายและผิวพรรณ กินแล้วมีส่วนช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น นุ่มเด้ง และยืดหยุ่นจึงเป็นสุดยอดวิตามินผิวสวยชั้นดีเลยค่ะ รวมถึงในอะโวคาโด ยังมีสารประกอบที่เข้ามาช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี ซึ่งถือเป็นบ่อเกิดของริ้วรอยและชะลอไม่ให้หน้าแก่ค่ะ อะโวคาโด้ยังมีวิตามินอีมาช่วยต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามินเอที่ช่วยป้องกันสายตาที่จ้องคอมนาน ๆ และอาการเหน็บชาด้วยนะ โดยหากทานยากเอามาทานคู่กับน้ำผึ้งจะทานง่ายขึ้น หรือจะทานคู่กับขนมปังโฮลวีตก็เข้าท่า
5.โอเมก้า 3 ช่วยหน้าตึง
สารอาหารโอเมก้า 3 เป็นสารสำคัญต่อสุขภาพมากค่ะเพราะนอกจากช่วยชะลอการ เจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ยังช่วยลดการอักเสบ และยังช่วยลดการเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ และสมองเสื่อม มักพบในปลาทะเล เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ปลาทู หรือน้ำมันปลา โดยสำหรับชาวออฟฟิศเลือกเป็นเมนู ปลาแซลม่อนย่างทานกับสลัดไข่ต้มคงอร่อยน่าดูเลยนะคะ
การดูแลตัวเองก็สำคัญนะ
ความจริงแล้วนอกจากการทานอาหารที่มีประโยชน์ที่จะสามารถช่วยให้ผิวหน้าเราดูอ่อนกว่าวัยไม่ให้หน้าเเก่ได้นั้น ยังมีการดูแลตัวเอง เช่นการทาสกินแคร์ จนไปถึง เลเซอร์ผิว ที่ยังเป็นสาเหตุสำคัญของผิวพรรณเช่นกันค่ะ
1.การทาสกินแคร์ช่วยให้หน้าไม่เหี่ยวได้
การทาสกินแคร์ให้สม่ำเสมอถือเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เพราะในชีวิตประจำวันทุกคนทั้งผู้หญิงผู้ชายที่ดูแลตัวเองมักจะทาเป็นประจำอยู่แล้วอย่างไรก็ตามการทาสกินแคร์ต้องทาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะชาวออฟฟิศยิ่งต้องทาเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอกว่าคนอื่นเลยค่ะ เพราะนั่งหน้าจอคอมแทบทั้งวัน ซึ่งลำแสงสีฟ้าจากจอคอมนี่แหละ จะทำให้หน้าของเราหมองคล้ำ และหน้าเหี่ยวก่อนวัยได้
2.ทางเลือกสำหรับคนอยากหน้าใส แต่ไม่มีเวลา
สำหรับชาวออฟฟิศหลายคนเข้าใจแล้วว่าอาหารที่ทำให้หน้าดูเด็กและหน้าไม่เหี่ยวกันไป แล้วว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงการทาสกินแคร์ แต่นอกจากการสิ่งเหล่านี้ แต่ถ้าไม่มีเวลาทาสกินแคร์หล่ะจะทำอย่างไร เพราะการติดปัญหาเรื่องเวลาเป็นเรื่องปกติค่ะ ยิ่งหากเป็นตอนเช้าแทบไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะเพราะเชื่อว่าเร่งรีบกันแน่นอน โดยอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับชาวออฟฟิศนั่นก็คือการทำเลเซอร์หน้าใส เพราะวิธีนี้จะช่วยบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก และช่วยชะลอไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัยโดยที่ไม่ต้องทำทุกวัน และสามารถทำได้ในวันหยุด ถือว่าประหยัดเวลาในชีวิตประจำวันไปได้เยอะเลยค่ะ แต่ก็ต้องทาสกินเเคร์และปรับพฤติกรรมควบคู่ไปด้วยนะคะ พึ่งเลเซอร์อย่างเดียวคงไม่พอ
3.โบท็อกริ้วรอย บอกลาหน้าแก่ใน 14 วัน
เลเซอร์หน้าใสผ่านไปแล้วมาดูการดูแลตัวเองอีกหนึ่งวิธีที่เห็นผลเร็วไม่แพ้การเลเซอร์ผิวเลยค่ะ นั่นคือการ ฉีดโบท็อกริ้วรอย โดยหลายคนสงสัยว่าการฉีดโบท็อกไม่เห็นผลทันทีหรอ ขอตอบเลยนะคะว่า การฉีดโบท็อกริ้วรอย จะเห็นผลลัพธ์ที่ 2 สัปดาห์หลังฉีด โดยหลังฉีดไป 3 วันถึงจะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 14 วันหลังฉีดค่ะ ชาวออฟฟิศทั้งหลายจึงไม่ต้องกังวลเลยค่ะว่าจะหน้าแก่ก่อนวัย แล้วไม่มีทางแก้เพราะโบท็อกสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายแล้วเห็นผลลัพธ์ไวแน่นอน
นอกจากอาหารและการดูแลตัวเองแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตถือว่าสำคัญเช่นกันนะคะ เช่น การนอนดึกและดื่มแอลกอฮอล์ในวันหยุดที่ชาวออฟฟิศชอบทำ ซึ่งนั่นจะเป็นตัวการทำให้อายุของผิวพรรณดูแก่เกินอายุจริงด้วยเช่นกันค่ะ ดังนั้นถ้ารู้แล้วควรเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีและพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้เราหน้าเหี่ยว โดยไม่รู้ตัวได้แล้วหันมาทานอาหารที่มีประโยชน์กันดีกว่าค่ะ