ออกกำลังกาย

ออกกำลังกายในยุคโควิด-19 แต่ละคนก็มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป จากเดิมที่เคยไปฟิตเนสก็ต้องหยุดลง บางคนหันมาออกกำลังกายที่บ้านง่าย ๆ หรือออกกำลังกายไม่มีอุปกรณ์แทน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด แต่จะออกด้วยวิธีอะไร เพื่อให้มีประสิทธิภาพและไม่น่าเบื่อ สามารถทำตามได้ไม่ยาก เหมือนกับที่ออกอยู่ที่ฟิตเนส วันนี้เลยมีเคล็ดลับง่าย ๆ 3 เคล็ดลับพร้อมทั้งประโยชน์ มาให้เลือกกันด้วยค่ะ

1. เบาสบายสไตล์โยคะ 

คือ เป็นการเคลื่อนไหวออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือ บางท่าอยู่ในความนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เลย ร่างกายนิ่งอยู่ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง วิธีนี้เหมาะกับสาว ๆ หรือใครที่ชอบออกกำลังกายที่บ้าน เพราะแค่มีพื้นที่สำหรับยืดหยุ่นร่างกายก็เพียงพอแล้ว จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่วัยรุ่น วัยทำงาน และวันนี้เราก็ยก 5 ท่าง่าย ๆ ให้ทุกคนทำตามและยังมีประโยชน์มาฝากกันอีกด้วย จะบอกว่าใครที่ไม่มีพื้นฐานก็ทำตามได้เลยไม่ต้องกังวล แต่อย่าลืมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมด้วยนะคะ

1.1   ท่าต้นไม้

ท่าออกกำลังกายโยคะขั้นพื้นฐาน เริ่มจากการยืนตรงให้ขาชิดกัน แขนแนบลำตัว จากนั้นยกขาข้างนึงขึ้นไว้ที่ต้นขาด้านในของอีกข้าง ให้น้ำหนักตัวทิ้งไปไว้ที่ขาข้างที่ยืนอยู่ เมื่อทรงตัวได้แล้วให้ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาพนมมือไว้กลางอกค้างไว้ 30 วินาที หลังจากนั้นค่อยลดมือลงแล้วสลับทำกับขาอีกข้าง

ประโยชน์ จะช่วยการทรงตัวให้กับร่างกาย ช่วยลดอาการปวดหลัง ช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขา น่อง ข้อเท้า และกระดูกสันหลังให้แข็งแรง

1.2  ท่าตรีโกณ

อีกหนึ่งท่าโยคะที่เชื่อว่าหลายคนเคยเห็น ท่านี้เราจะยืนตรง กางขาออกด้านข้าง ให้ขาทั้งสองข้างกว้างกว่าสะโพก ให้ปลายเท้าข้างหนึ่งหันออกด้านข้าง และปลายเท้าชี้ไปทางด้านหน้า กางแขนทั้งสองข้างออกด้านข้างให้ขนานกับพื้น อยู่แนวเดียวกับหัวไหล่ จากนั้นค่อย ๆ เอนตัวด้านขวาลงไปหาเท้าขวา และใช้มือขวาวางบนพื้นใกล้ ๆ กับเท้า และมองขึ้นไปบนเพดานค้างไว้ 20-30 วินาที กลับมายืนตรงในท่าเดิมและสลับทำอีกข้าง

ประโยชน์ ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลัง ไหล่ ต้นขา น่อง และช่วยยกกระชับสะโพกไม่ให้บั้นท้ายดูหย่อนหรือใหญ่จนเกินไป

1.3   ท่านักรบ

ท่าออกกำลังกายที่บ้านที่คู่ควรกับชาวออฟฟิศอย่างมาก เอาอยู่ทุกอาการปวด โดยเริ่มจากยืนแยกขาออกและกางแขนให้ขนานกับพื้น หันเท้าข้างซ้ายหมุนไป 90 องศา เท้าขวาหมุนมาทางซ้ายเล็กน้อย งอเข่าซ้ายลงจนสะโพกและเข่าซ้ายอยู่ในระดับเดียวกัน ในแนวตั้งเข่าซ้ายจะตรงกับส้นเท้า หลังจากนั้นให้เหยียดขาขวาและแขนสองข้างกางออกขนานไปกับขา หันหน้าไปทางซ้ายและมองปลายนิ้ว ค้างไว้ 1 นาทีแล้วเปลี่ยนข้าง

ประโยชน์ จะช่วยในเรื่องของการลดไขมันในส่วนของต้นขา สะโพก และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อบริเวณต้นขา สะโพก และหลัง

1.4   ท่าสะพาน

สำหรับท่านี้บางคนไม่กล้าทำนอกบ้าน ก็ขอแนะนำให้ออกกำลังที่บ้านแทนค่ะ เริ่มโดยนอนหงายราบลงกับพื้น ฝ่ามือคว่ำแนบขนานข้างลำตัว งอเข่าโดยให้เข่าอยู่เหนือส้นเท้า ฝ่าเท้าแนบติดกับพื้นหายใจออก ยกสะโพกขึ้นให้ต้นขาขนานกับพื้น คางแตะอก โดยทำค้างไว้ 1 นาที

ประโยชน์ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับทรวงอกและปอด และทำให้บุคลิกภาพดี

1.5   ท่าไม้กระดาน

นอนคว่ำลงกับพื้น มือทั้งสองวางข้างลำตัว งอศอก ใช้ฝ่ามือดันตัวยกขึ้นมาจนแขนเหยียดตรง เกร็งลำตัวให้ตรงเหนือพื้น ตามองไปด้านหน้า ค้างไว้ 1 นาที ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไม่มีอุปกรณ์ได้อยู่ดีค่ะ

ประโยชน์ ช่วยให้กล้ามเนื้อแขนและหัวไหล่เฟิร์มกระชับ หากฝึกเป็นประจำจะช่วยบำบัดอาการกระดูกสันหลังคดได้ 

2. จัดเต็มสไตล์ T25 

หลายคนคงยังไม่รู้ว่าการออกกำลังกายแบบนี้เป็นยังไง? ช่วยเรื่องอะไร? ทำยังไง? ออกกำลังกายที่บ้านได้ไหม? อย่าเพิ่งคิดไปไกลเพราะวันนี้จะมาบอกว่ามันคืออะไรกันแน่ ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกันดีกว่า

Focus T25 คือชื่อเต็ม ๆ ของท่านี้ คิดค้นโดย Shaun T เทรนเนอร์มากประสบการณ์ผู้เป็นเจ้าของโปรแกรมแบบอินแซนนิตี (Insanity) หรือการเต้นไปเต้นมา ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายเยอะ ๆ ติดต่อกันเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งก็เป็นการออกกำลังกายที่ฮิตในหมู่คนรักสุขภาพ และคนที่ชอบออกกำลังกายที่บ้าน

จริง ๆ แล้ววิธีนี้จะค่อนข้างตอบโจทย์คนที่อยากออกกำลังกายลดน้ำหนักที่บ้าน เนื่องจากจะช่วยให้คุณรีดไขมันและเฟิร์มร่างกายได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ต้องอดทนเป็นเวลานานต่อเนื่องหลายเดือน เพราะเพียงแค่เต้นแบบนี้ แค่ 2 เดือนตามตารางที่เขากำหนด ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจแล้ว แต่กับคนที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคหัวใจ โรคข้อเข่า อาจจะต้องเลี่ยงบางท่า เพราะท่าบางท่าจะเน้นการกระโดด การเคลื่อนไหวร่างกายแบบเร็ว ๆ ซึ่งอาจกระทบกับโรคประจำตัวของคุณได้

ออกกำลังกายลดน้ำหนักที่บ้านด้วยการเต้นแบบนี้จะทำให้ รูปร่าง จะกระชับขึ้น สัดส่วนเล็กลง หน้าท้องแบนราบ อย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเมื่อได้เสียเหงื่อบ่อย ๆ เลือดลมก็จะหมุนเวียนได้ดี ผิวพรรณก็ดูเปล่งปลั่งสุด ๆ และเป็นการ ส่วนในแง่สุขภาพก็แน่นอนอยู่แล้วว่าแค่เราขยับร่างกาย ออกกำลังให้หัวใจเต้นแรงและเสียเหงื่อ บวกกับควบคุมอาหารโดยหันมากินอาหารคลีนหรืออาหารเพื่อสุขภาพมากกว่าแต่ก่อน แค่นี้ก็เพียงพอจะป้องกันเราจากโรคภัยไข้เจ็บได้หลายโรค แถมยังฟิตสุขภาพของเราให้แข็งแรง มีภูมิต้านทาน ปรับสมดุลในร่างกายให้เข้าที่เข้าทาง ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอย่างน้อยก็ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีกว่า

การออกกำลังกายจะใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น เป็นการออกกำลังกายไม่มีอุปกรณ์ด้วย แต่มีข้อแม้ว่าห้ามหยุดพักเลยสักนาที ใน 1 สัปดาห์ จะต้องทำถึง 5 วัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์  ส่วนวันเสาร์ก็พักผ่อนตามปกติเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ วันอาทิตย์เป็นการยืดกล้ามเนื้อเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมในวันถัดไป ทั้งหมด 10 สัปดาห์ด้วยกัน  โดยโปรแกรมจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง

2.1 ช่วงแรก Alpha 5 สัปดาห์แรก 

จะเป็นการออกกำลังกายขั้นพื้นฐาน เพื่อให้กล้ามเนื้อทุกส่วนแข็งแรง

Cardio – เป็นการทำให้หัวใจเต้นเร็ว ร่างกายจะเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างดีเยี่ยม จึงช่วยลดน้ำหนัก

Speed 1.0 – อันนี้จะเร็วกว่า Cardio มากขึ้นอีก เน้นการเคลื่อนไหวร่างกายแบบรวดเร็ว ต้องขยับเยอะๆ

Total Body Circuit – เน้นการบริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ให้แข็งแรง

Ab Intervals – เน้นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นพิเศษ และการเต้นของหัวใจที่เร็วและแรงขึ้น

Lower Focus – เน้นออกแรงช่วงล่าง บริเวณกล้ามเนื้อขา

2.2 ช่วง Beta  สัปดาห์ที่ 6-10 

จะเน้นออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนหลัก และช่วงหน้าท้อง

Core Cardio – เน้นบริการช่วงลำตัว

Speed 2.0 – หลังจากที่ผ่าน Speed 1.0 มาแล้ว อันนี้จัดหนัก เคลื่อนไหวเร็วกว่าเดิมมากขึ้น

Dynamic Core – เน้นการบริหารช่วงขาและแกนกลางของลำตัว

Upper Focus – เน้นออกแรงส่วนบนช่วงแขน และหัวไหล่

3. เมโสแฟต ตอบโจทย์ที่ใช่

สำหรับใคร ที่มีปัญหาไขมันสะสมบนใบหน้าที่ไม่ว่าจะออกกำลังกาย คุมอาหารอย่างเคร่งครัด ไขมันส่วนเกินเหล่านี้ก็ยังไม่หายไป จนทำให้สูญสียความมั่นใจหรือมีปัญหาสุขภาพตามมา หากใครที่กำลังกังวลอยู่ เราจะพาไปรู้จักกับ “เมโสแฟต” ค่ะ ว่าสามารถช่วยอะไรได้บ้าง?

         เมโสแฟต คือ นวัตกรรมที่แพทย์ฉีดตัวยาชนิดหนึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยสลายไขมัน หรือช่วยเร่งการเผาพลาญไขมันเพื่อให้สัดส่วนดูกระชับยิ่งขึ้น เมื่อฉีดตัวยาเข้าสู่ชั้นผิวแล้ว โครงสร้างของผิวจะลดขนาดลง ดูเรียวกระชับมากยิ่งขึ้น แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันเฉพาะจุดเท่านั้น

สำหรับใครที่ต้องการอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟตสามารถอ่านได้ที่ : https://sowongroup.com/ฉีดแฟต-คืออะไร_skin-mesofat_knowledge/

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เคล็ดลับการออกกำลังกายที่บ้านแบบง่าย ๆ สำหรับใครที่ไม่ชอบออกแรงหนัก ๆ โยคะก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง แต่สำหรับใครคนไหนที่ชอบออกกำลังกายที่บ้านแบบจัดเต็ม T25 ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากเลย หรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันสะสมที่แก้ไม่หายก็สามารถเลือก เมโสแฟต เพื่อตอบโจทย์ที่ใช่สำหรับคุณ หรืออาจจะมองหาหัตถการปรับรูปหน้าอื่น ๆ เช่น โบท็อก ฟิลเลอร์ เพื่อช่วยให้หน้าเรียวแทนก็ได้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ส่งผลดีต่อร่างกายทั้งนั้น แต่เราต้องเลือกกิจกรรมหรือวิธีการที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพร่างกาย โรคประจำตัวของแต่ละคน และที่สำคัญต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายเพื่อสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นนะคะ