ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มเพิ่มความละมุน อิ่มฟู ช่วยให้ใบหน้าดูเรียบเนียนอ่อนเยาว์ เป็นหัตถการปรับรูปหน้าที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในวงการคลินิกความงาม แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ย่อมทราบคุณสมบัติอันโดดเด่นเหล่านี้กันดีอยู่แล้ว แต่บางคนกลับมีความเข้าใจที่ผิดกันอยู่ จนก่อให้เกิดคำถามในเรื่องยี่้ห้อฟิลเลอร์อะไรที่ดีที่สุด ฉีดได้ทุดจุดไม่เสี่ยงเป็นก้อน ผลลัพธ์อยู่ได้นานตลอดไป
หากคุณเป็นอีกคนที่มีคำถามเหล่านี้อยู่ในใจ เราจึงขอชวนให้มาอ่านบทความนี้และแก้ไขความเข้าใจผิดที่คุณอาจมีอยู่ แล้วมาคลายข้อสงสัยไปด้วยกันนะคะ
ฟิลเลอร์คืออะไร ทำไมเป็นที่นิยม
ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่มีชื่อว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำหน้าที่เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปบนใบหน้าได้อย่างรวดเร็วภายใน 30 นาที โดยปกติเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด แต่อิ่มฟูเต็มที่ภายใน 14 วัน เเละหากฉีดของแท้ 100 % ตัวยาก็จะสลายหายไปตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนในเรื่องของผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเอิบอิ่มละมุน ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
ความเชื่อที่ผิดเรื่องที่ 1 ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ดีที่สุด ฉีดได้ทุกจุดไม่แข็งเป็นก้อน
3 ยี่ห้อที่ถือว่าได้รับความนิยมในวงการความงามเป็นอย่างมาก คือ Belotero Filler, Filler Juvederm และ Filler Neuramis แต่ว่า ไม่มียี่ห้อฟิลเลอร์ไหนที่ดีที่สุดค่ะ เพราะแต่ละยี่ห้อมีเนื้อแตกต่างกันเหมาะกับการฉีดเฉพาะตำแหน่ง ดังนั้นไม่มียี่ห้อไหนที่ฉีดได้ทุดจุดบนใบหน้า ก่อนการฉีดแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและเลือกเนื้อที่เหมาะสมในการใช้ปรับรูปหน้าให้แก่คนไข้อย่างละเอียดค่ะ
BELOTERO FILLER
Filler สัญชาติสวิตเซอร์เเลนด์ 4 สีสันที่สดใสโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้แยกแยะได้อย่างเด่นชัดถึงรุ่นเเต่ละชนิดเเต่ละสูตร คุณสมบัติเป็นสารอุ้มน้ำช่วยทดเเทนคอลลาเจนบนใบหน้าที่หายไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ กลืนเข้ากับผิวได้เร็ว จึงได้รับความนิยมสูงเพราะผลลัพธ์ดีและอยู่ได้นานค่ะ
- Colorful Filler SOFT : สีเหลือง
- Colorful Filler VOLUME : สีม่วง
- Colorful Filler BALANCE : สีส้ม
- Colorful Filler INTENSE : สีชมพู
FILLER JUVEDERM
Filler สัญชาติสหรัฐอเมริกา ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ยี่ห้อนี้มีจุดเด่นเรื่องความยืดหยุ่น เป็นยี่ห้อที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี Hylacross ที่ช่วยให้สารเป็นเนื้อเจลมีความอุ้มน้ำได้ดี เนื้อละเอียดมีความยืดหยุ่นสูง ผลลัพธ์หลังฉีดจะได้ความเรียบเนียนกลืนเข้ากับผิวเป็นอย่างมาก เเละผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก US FDA เเละ Thai FDA โดยร่างกายขับออกเองได้ 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างเเน่นอน ซึ่งมีทั้งหมด 4 รุ่น โดยความเเตกต่างจะอยู่ที่ปริมาณของ ไฮยาลูโรนิค เเละรุ่นที่มีจุดเด่นเรื่องความเรียบเนียน มีทั้งหมด 3 รุ่นดังนี้ค่ะ
1. Juvederm Voluma : รุ่นนี้มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความเเน่น เรียบเนียน ยืดหยุ่นสูงเป็นธรรมชาติ ไม่บวมช้ำหลังฉีด อยู่ได้นานถึง 2 ปี
2. Juvederm Ultra Plus : รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชาที่ช่วยลดความเจ็บปวดขณะฉีดอยู่ด้วย ตัวเนื้อมีความนิ่มเเละอิ่มฟูมาก ให้ผลลัพธ์ออกมามีสัดส่วนที่สวยงาม ปรับสมดุลของใบหน้าได้อย่างดีเยี่ยม คงตัว ไม่ไหล อยู่ได้นานถึง 1 ปี
3. Juvederm Volbella : รุ่นนี้มีความละเอียดมากที่สุด เป็นเนื้อนิ่ม เหมาะสำหรับเติมเต็มผิวหนังบาง ๆ อยู่ได้นานถึง 1 ปี
FILLER NEURAMIS
Filler สัญชาติเกาหลีได้การรับรองจาก US FDA เเละ Thai FDA ถือเป็นยี่ห้อที่มีความปลอดภัยสูง ผลลัพธ์หลังฉีดใบหน้าจะดูอิ่มฟูขึ้นละมุนอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เเข็งหรือเป็นก้อนเเน่นอนค่ะ เเละราคาไม่สูง อยู่ได้นาน 6-8 เดือน เเต่บริเวณที่ไม่ควรฉีด Neuramis ก็คือ บริเวณใต้ตาค่ะ เพราะเนื้อไม่เหมาะสม เสี่ยงเป็นก้อนสูงนั่นเอง
ความเชื่อที่ผิดเรื่องที่ 2 แพทย์ท่านใดก็ฉีดเป็น เห็นผลเหมือนกัน
สิ่งคัญที่สุดในการฉีดทุกครั้งก็คือเรื่องเทคนิคเเละประสบการณ์ของแพทย์ โดยแพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญสูง รู้วิธีการเลือกชนิดของยี่ห้อให้เหมาะกับผิวบริเวณที่คนไข้อยากเติมเต็ม เเละต้องมีความเเม่นยำในการลงเข็มที่ชั้นผิวหนังของคนไข้ เพื่อเลี่ยงปัญหาฉีดฟิลเลอร์เเล้วเป็นก้อนนั่นเองค่ะ
ข้อควรระวัง
แพทย์ทุกท่านฉีดยาได้ แต่ไม่ใช่แพทย์ทุกท่านจะรู้จุดฉีดฟิลเลอร์อย่างแม่นยำ
อย่าคิดว่าทำกับแพทย์ท่านใดก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกันหมด
มีปัญหาบริเวณนี้ เลือกฉีดยี่ห้ออะไรดีนะ
Filler มีทั้งหมด 3 ประเภท คือเนื้อแข็ง เนื้อกลาง และเนื้อนิ่ม คุณสมบัติเหมาะสมกับปัญหาต่างกัน ดังนี้
1. เนื้อแข็ง มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการขึ้นรูป ปั้นทรง เช่น แก้ม คาง ขมับ จมูก สันกราม และกรอบหน้า ช่วยเพิ่มมิติให้กับรูปหน้าได้อย่างชัดเจน
2. เนื้อกลาง เนื้อมีความคล้ายกับประเภทเนื้อแข็งแต่ค่อนข้างนิ่มกว่า ยังคงตัวได้ดี ค่อนข้างปั้นทรงง่าย เหมาะกับผู้ผิวบางที่ชอบความเป็นธรรมชาติ นุ่มนวล บริเวณที่แนะนำคือ หน้าผาก ริมฝีปาก ขมับ ร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก
3. เนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่นและการคงรูปต่ำ เนื้อเหลวคล้ายไข่ขาวที่ยังไม่สุก แต่จุดเด่นคือกลืนเข้ากับผิวได้มากที่สุด เหมือนเติมน้ำให้ผิวดูฉ่ำวาว เรียบเนียน ชั้นผิวดูหนาขึ้น เหมาะกับบริเวณที่บอบบาง เช่น ใต้ตา ร่องน้ำตา ริ้วรอย และสามารถฉีดเพื่อแก้ปากแห้งได้อีกด้วยค่ะ
สำหรับ 3 ยี่ห้อที่กล่าวมา มีเนื้อที่ช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าบริเวนไหนให้คุณได้บ้าง มาดูกันเลยค่ะ
1. ใต้ตา จะแก้ปัญหาถุงใต้ตาหรือใต้ตาลึก ให้แลดูตื้นขึ้น ดวงตาสดใส ไม่หมองคล้ำ
แนะนำยี่ห้อ : BELOTERO FILLER รุ่น Colorful Filler SOFT : สีเหลือง และ Juvederm Volbella
2. ขมับ เติมเต็มขมับตอบให้อิ่มเต็มยิ่งขึ้น ช่วยให้ใบหน้าไม่โทรมและดูเด็กขึ้น
แนะนำยี่ห้อ : BELOTERO FILLER รุ่น Colorful Filler VOLUME : สีม่วง / Juvederm Voluma / Juvederm Ultra Plus และ FILLER NEURAMIS
3. ร่องแก้ม ช่วยให้ร่องแก้มลึกดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
แนะนำยี่ห้อ : BELOTERO FILLER รุ่น Colorful Filler BALANCE : สีส้ม / Colorful Filler INTENSE : สีชมพู / Juvederm Voluma / Juvederm Ultra Plus และ FILLER NEURAMIS
4. แก้มส้ม ช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าเอิบอิ่มอ่อนเยาว์ ใบหน้าหวานละมุน และมีมิติขึ้น
แนะนำยี่ห้อ : BELOTERO FILLER รุ่น Colorful Filler VOLUME : สีม่วง
5. ปาก ใครที่ปากบาง ไม่ได้เป็นทรง ไม่ได้รูป เมื่อเติมเต็มด้วย Filler จะช่วยให้ปากอวบอิ่มสวยยิ่งขึ้น
แนะนำยี่ห้อ : BELOTERO FILLER รุ่น Colorful Filler INTENSE : สีชมพู และ Juvederm Volbella
6. คาง ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม จะหมดไป เมื่อฉีดเติมเต็มให้คางได้รูปสวยงาม
แนะนำยี่ห้อ : BELOTERO FILLER รุ่น Colorful Filler VOLUME : สีม่วง / Juvederm Voluma และ FILLER NEURAMIS
7. กรอบหน้า ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ลดความเด่นชัดบริเวณขากรรไกร ลดความหย่อยคล้อยบริเวณกรอบหน้า
แนะนำยี่ห้อ : BELOTERO FILLER รุ่น Colorful Filler VOLUME : สีม่วง / Juvederm Voluma
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแนะนำเบื้องต้นตามชนิดและเนื้อแต่ละยี่ห้อเท่านั้นค่ะ สุดท้ายควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นผู้ประเมินจุดฉีดและเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมบริเวณนั้น ๆ ไม่สามารถเลือกตามใจตัวเองได้นะคะ
ความเชื่อที่ผิดเรื่องที่ 3 ฟิลเลอร์ของแท้ อยู่ได้นานตลอดไป ไร้ผลข้างเคียง
ความเชื่อที่ว่าฉีดแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปีหรืออยู่ได้ตลอดไป เป็นอะไรที่ผิดมากนะคะ ฟิลเลอร์ของแท้จะสลายหมดไม่ตกค้าง ดังนั้นไม่มีทางที่จะอยู่ตลอดไปค่ะ แต่ในระยะเวลาที่ออกฤทธิ์คุ้มค่าอย่างแน่นอน ซึ่งระยะเวลาการออกฤทธิ์ก็แตกต่างกันไปตามรุ่นและยี่ห้อที่เลือกใช้ตามที่กล่าวไปข้างต้น แต่โดยทั่วไปของแท้ที่ได้มาตรฐานผ่านอย. จะอยู่ได้ 6 – 18 เดือน ซึ่งผลลัพธ์ขณะออกฤทธิ์จะมีอะไรบ้าง มาดูด้านล่างกันต่อเลยค่ะ
- ช่วยเติมเต็มปรับรูปหน้าให้ดูละมุน ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
- สามารถแก้ไขในจุดที่เราอยากเติมเต็มได้อย่างเเม่นยำ เเละเป็นธรรมชาติ
- สามารถเติมเต็มได้เรื่อย ๆ หากต้องการความเอิบอิ่ม เเต่ต้องขึ้นอยู่กับการประเมินใบหน้าจากแพทย์ร่วมด้วย
- ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผล เห็นผลทันทีหลังทำเสร็จ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- Filler ได้รับรองจากองค์การอาหารเเละยา ปลอดภัยสลายหมดไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
- เป็นหัตถการความงามที่ใช้เวลาไม่นานเพียง 30-40 นาที เห็นผลชัดเจน
ท่อง 5 ข้อนี้ไว้ในหัว เลือกคลินิกเป็นชัวร์ รับประกัน
การฉีด Filler ให้สวยปลอดภัย ไม่เสี่ยงฉีดแล้วเป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล หน้าพัง ให้ดูความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ ดังนี้ค่ะ
1. คลินิกมีใบอนุญาต 11 หลักประกอบกิจการ สามารถตรวจสอบได้ที่ http://privatehospital.hss.moph.go.th/
2. เเพทย์มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญเฉาพะทาง รู้จุดฉีดและลงเข็มได้อย่างแม่นยำ เพื่อปรับรูปหน้า สามารถตรวจสอบได้จริงที่ https://www.tmc.or.th/check_md/
3. Filler ต้องผ่าน อย. เป็นของแท้ 100% แพทย์เปิดกล่องให้ดูต่อหน้า ราคาสมเหตุสมผล และคำนึงถึงความเชี่ยวชาญและเทคนิคที่คุณหมอเลือกใช้มากที่สุดค่ะ
4. มีรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง สามารถตรวจสอบได้
5. ความสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากต้องเข้ามาติดตามผล
หวังว่าอ่านบทความนี้จบ คุณจะแก้ไขความเชื่อผิด ๆ ไปได้นะคะ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Filler เช่น วิธีดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดเพื่อรักษาประสิทธิภาพให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้นสามารถอ่านได้ที่บทความตอบคำถาม ฟืลเลอร์ ยอดฮิต ไม่คลิกอ่านไหวหรอ!? หรือทักมาติดต่อสอบถามกับเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยินดีตอบทุกคำถามเพิ่มว่าแต่ละรุ่นเหมาะสมกับฉีดจุดไหนเนื้อแบบไหนแข็งหรืออ่อนเพื่อความปลอดภัยของคุณค่ะ