ฉีดฟิลเลอร์ มีหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าผู้คนเหล่านั้นต้องการแก้ปัญหาอะไร มีทั้งอันตรายและปลอดภัย แล้วฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี หากเลือกฉีดกับคุณหมอที่มีความน่าเชื่อถือหรือตาม คลินิก ที่ไว้ใจได้ มีรางวัล การันตรี ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะทำให้การฉีดฟิลเลอร์ปากออกมาสวยและปลอดภัย ดูดีขึ้นทันที แต่หากเลือกผิดเจอ หมอปลอม ก็จะทำให้เสี่ยงมีอันตราย ตามข่าวต่าง ๆ และทำให้ปากของเราผิดรูปหรือมีอาการอักเสบ เน่า ดังนั้น หากจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ ควรเลือกคุณหมอและ คลินิก ที่มีความน่าเชื่อถือ วันนี้เราจะมาบอกประโยชน์ และจริง ๆ แล้วฟิลเลอร์น่ากลัวและอันตรายจริงไหมไปดูกันเลยค่ะ
ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร
คือ การฉีดสาร Hyaluronic acid เติมเต็มเข้าไปที่ริมฝีปากของเรา เพื่อเติมส่วนที่ขาดหายหรือฝ่อไป ทำให้ปากอวบอิ่ม ดูมีมิติ ดูสวยหวานขึ้น หลาย ๆ คนที่ตัดสินใจฉีดมักจะมีปัญหากวนใจ เช่น ริมผีปากบาง ปากไม่เป็นทรง ปากเป็นเส้นตรง ปากแห้งตกร่อง เสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตหรือเวลายิ้มทำให้ไม่สวย
ฟิลเลอร์มีกี่ยี่ห้อที่นิยมใช้
มีหลากหลายประเภทมาก แต่วันนี้เราจะขอยก ฟิลเลอร์ที่แพทย์ส่วนใหญ่ใช้กันและเป็นที่นิยมใช้กันใน คลินิก ต่าง ๆ มาให้ได้ดูกันไปเลย ว่าแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันยังไงและน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ usa (อเมริกา) คุณภาพสูงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จุดเด่น คือ จะมีความนุ่มมาก ยืดหยุ่นได้ดี อยู่ได้นาน 1-2 ปี ฉีดออกมาแล้วมีความเป็นธรรมชาติสูง ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก US FDA และนำเข้าอย่างถูกต้องจาก อย. ไทย
Neuramis เป็นฟิลเลอร์เกาหลี โดยรุ่น Neuramis Deep เป็นรุ่นที่ได้รับการรับรองจาก อย. อยู่ได้นาน 6-8 เดือน เป็นที่นิยมอีกตัว เนื่องจากราคาถูกและคุณภาพดี ใช้เติมใต้ตา เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องแก้ม คาง ขมับ แต่ไม่เหมาะกับการเติมผิว และไม่แนะนำให้เติมปากเพราะ มีเนื้อสัมผัสที่แข็ง ฉีดออก มาจะไม่เป็นธรรมชาติ
Belotero มาจากสวิตเซอร์แลนด์ ช่วยทดแทนคอลลาเจนที่หายไปจากใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปรับรวมกับร่างกายได้ดี มีหลายรุ่นแยกใช้ตามความเหมาะในแต่ละจุด คือ
- Colorful Filler SOFT สีเหลือง : เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ริ้วรอย ตีนกา หน้าผาก
- Colorful Filler VOLUME สีม่วง : เหมาะสำหรับเติมเต็มเเก้มตอบ ขมับบุ๋ม เเก้มส้ม คาง
- Colorful Filler BALANCE สีส้ม : เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องเเก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องระหว่างคิ้ว รอยเหี่ยวย่นรอบปาก
- Colorful Filler INTENSE : สีชมพู : เหมาะสำหรับเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม กระจับชัด ยกมุมปาก เเละ ร่องแก้ม , แก้มตอบ
8 จุดฉีดฟิลเลอร์ เช็กด่วนก่อนฉีด
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติในการแก้ปัญหาของผิวแต่ละจุดแตกต่างกัน
- ปาก ใช้ปริมาณในการฉีด 1 – 2 CC ฉีดฟิลเลอร์ปากจุดนี้จะสามารถปรับลุคใบหน้าโดยรวมให้หวานหรือเซ็กซี่ได้เลย ฉีดฟิลเลอร์ปากช่วยแก้ปัญหา ปากไม่สวย ปากบาง ไม่เป็นทรง ให้ปากสวย ปากอวบอิ่ม โดดเด่น เพิ่มความมั่นใจ และยังช่วยยกมุมปากให้ดูเป็นมิตร ออกมาเป็นธรรมชาติสุดๆ
- ขมับ ใช้ปริมาณในการฉีด 2 – 3 CC สามารถฉีดฟิลเลอร์แก้ปัญหาขมับตอบ ขมับบุ๋ม สาเหตุที่ทำให้หน้าดูแก่ หน้าโทรม แต่จุดนี้ต้องระวังให้ดีเพราะเป็นจุดที่บอบบาง และยากในการฉีด ต้องอาศัยความชำนาญของคุณหมอนะคะ
- แก้มส้ม ใช้ปริมาณในการฉีด 2 – 4 CC ฉีดฟิลเลอร์จะช่วยแก้ปัญหาหน้าไม่มีมิติ ช่วยยกกระชับรูปหน้าให้สวยอวบอิ่ม ดูเด็กขึ้นอีกด้วย
- ร่องแก้ม ใช้ปริมาณในการฉีด 1 – 2 CC แก้ปัญหาร่องแก้มลึก มีร่องน้ำหมาก เห็นเป็นรอยชัด ทำให้สาว ๆ หมดความมั่นใจไปมากเหมือนกัน ฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมร่องแก้มลึกให้ตื้นขึ้นได้ค่ะ ทำให้หน้าดูเด็กลงด้วย
- ใต้ตา ใช้ปริมาณในการฉีด 1 – 3 CC ใครที่มีปัญหาใต้ตาลึกโบ๋มีร่องลึก ที่ทำให้ดูไม่สดใส ดูโทรม อ่อนล้า เหมือนคนไม่ได้นอน แก้ไขได้ด้วยเทคนิค ฉีดฟิลเลอร์มีโมเลกุลนุ่ม เพื่อให้ใต้ตาอิ่มเต็มเป็นธรรมชาติค่ะ
- คาง ใช้ปริมาณในการฉีด 1 – 2 CC เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับคนที่มีคางบุ๋ม คางสั้น คางตัด การฉีดฟิลเลอร์ทำให้หน้าดูเรียว เข้ารูป คางสวยยาวเป็นธรรมชาติ กว่าการเสริมซิลิโคนค่ะ
- กรอบหน้า ใช้ปริมาณในการฉีด 1 – 4 CC เทคนิค ฉีดฟิลเลอร์ใหม่มาแรง ที่ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ลดความเด่นชัดบริเวณขากรรไกร ทำให้ใบหน้าส่วนล่างมีความสมดุลขึ้น และที่สำคัญยังช่วยลดความหย่อยคล้อยบริเวณกรอบหน้าในกลับมากระชับเต่งตึงได้ค่ะ
- บริเวณผิว ใช้ปริมาณในการฉีด 1 – 2 CC จะใช้เทคนิคการ ฉีดฟิลเลอร์เข้าที่ผิวชั้นบนแบบตื้น ๆ ช่วยเติมเต็มทำให้ผิวอุ้มน้ำได้มากขึ้น ชุ่มชื้นมากขึ้น เติมร่องผิว ช่วยให้ร่องตื้นขึ้น ได้ผิวที่ผิวฉ่ำวาว สดชื่นมีออร่า เปล่งปลั่งมาจากผิวข้างในลุค Glass Skin เหมือนมีไฮไลท์บริเวณที่แสงตกกระทบอยู่ตลอดเวลาแบบสาวเกาหลี โดยไม่ต้องใช้เมคอัพช่วยแม้แต่นิดเดียวค่ะ
ฟิลเลอร์แท้กับฟิลเลอร์ปลอมดูได้ยังไง
ของปลอมจะไม่สลายไปตามธรรมชาติ จะแข็งเป็นก้อน ส่วนฟิลเลอร์แท้จะสลายได้ 100% อยู่ได้ไม่นานแต่จะอยู่อย่างปลอดภัย ไม่เป็นก้อนฉีดออกมาแล้วจะดูเป็นธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้
ข้อดี–ข้อควรระวัง
- ข้อดี ของการฉีดฟิลเลอร์ปาก คือความปลอดภัยค่อนข้างสูง ดูแลง่าย และยังเห็นผลทันทีหลังทำเสร็จ ไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว ผลข้างเคียงน้อยหากเทียบกับการทำศัลยกรรมประเภทอื่น
- ข้อควรระวัง หากเลือก คลิกนิกไม่ดี หรือไม่เช็กตัวยาให้ดีว่าเป็นของแท้หรือของปลอมก็เสี่ยงที่จะมีการอักเสบ เน่า ได้และไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์แท้หรือฟิลเลอร์ปลอมก็ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร อย่างมากที่สุดก็ 1-2 ปี แล้วแต่บุคคลด้วยนะคะ ดังนั้นจึงมีการฉีดเพิ่มอยู่เสมอ
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ต้องระวังอะไรบ้าง
- ก่อนตัดสินใจฉีดควรหาคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือได้ และดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีรีวิว ควรศึกษาหาข้อมูลการฉีดให้ดีด้วย
- หากทานวิตามินอยู่ ควรงดทาน 1-2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนฉีด
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งคุณหมอก่อนทุกครั้ง
- ทำความสะอาด ล้างเครื่องสำอางก่อนฉีดฟิลเลอร์
วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นหลังฉีดฟิลเลอร์
- กินยาตามที่แพทย์จ่ายต่อเนื่องจดหมด จะช่วยให้อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหายได้รวดเร็ว
- งดนวด บีก แกะ เกาบริเวณที่ฉีด
- ไม่ควรนอนตะแคงหรือกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาจะทำให้รูปร่างผิดไปจากเดิมได้
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และควรงดดื่มของร้อน จะทำให้ปากเกิดอาการอักเสบหรือบวมได้
- ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของตัวฟิลเลอร์ ทำให้อยู่ได้นานมากขึ้น
- ไม่ควรดึงหรือลอกหนังบริเวณริมฝีปาก
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
หลาย ๆ คนยังมีข้อสงสัยว่า แล้วควรฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี ควรเลือกสถานที่ที่สะอาด ปลอดภัย มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีคลินิกที่มีมาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาล น่าเชื่อถือได้ สามารถตรวจสอบได้ แถมยังมีรีวิวอีกมากมาย สามารถตรวจเช็กได้เลย
- คลินิกมีใบอนุญาต 11 หลักประกอบกิจการ สามารถตรวจสอบได้ที่ http://privatehospital.hss.moph.go.th/
- เเพทย์มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญในการใช้ฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า รู้หลักการเลือกฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อฉีดตรงกับปัญหาผิวหน้าในแต่ละจุด สามารถตรวจสอบแพทย์ได้ที่ https://www.tmc.or.th/check_md/
- ฟิลเลอร์ต้องเป็นของแท้ 100% คุณหมอเปิดกล่องให้ดูต่อหน้า ราคาสมเหตุสมผล และคำนึงถึงความเชี่ยวชาญและเทคนิคที่คุณหมอเลือกใช้มากที่สุด
- มีรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง สามารถตรวจสอบได้
- ความสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากต้องเข้ามาติดตามผลลัพธ์หลังการรักษา
- ช่องทางติดต่อหลากหลาย สามารถประเมินได้ตั้งแต่ทักเข้าไปติดต่อสอบถาม ความรวดเร็วในการตอบ