ฉีดวิตามินผิว

ฉีดวิตามินผิวทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากดูแลผิวตัวเองให้มีผิวขาวกระจ่างใส ดูสุขภาพดี แต่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หรือคนที่อยากแก้ปัญหาผิวต่างๆ ให้กลับมาแข็งแรง วิธีนี้จึงเป็นวิธีหนึ่งที่เราสามารถรับวิตามินได้เต็มๆ แบบไม่เผื่อใครกันเลยทีเดียว แต่ก็มีบางคนที่ยังกังวลอยู่ว่าการฉีดผิวอันตรายไหม เพราะถ้าหากพลาดก็มีสิทธิอันตรายถึงชีวิตเหมือนกัน วันนี้เลยอยากมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดผิวให้ทุกคนได้รู้กันถึงข้อดีและข้อเสียของการฉีดผิว ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มอ่านกันเลยค่ะ

1. ฉีดวิตามินผิวคืออะไร ทำไมฮิตขนาดนี้

เป็นการให้สารอาหารหรือวิตามินในรูปแบบการฉีดวิตามินหรือสารน้ำ เข้าเส้นเลือดดำสู่ร่างกายโดยตรงนั่นเอง เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที  โดยผสมวิตามินและแร่ธาตุเข้ากับน้ำเกลือในปริมาณที่เหมาะสม เฉพาะตามความต้องการของร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งการเติมวิตามินผิวนี้หลายคนอาจเคยได้ยินในชื่อของ ของ “IV Vitamin therapy” เรียกอีกอย่างว่า “IV Vitamin drip” คำว่า IV นั้น ย่อมาจาก Intravenous

เนื่องจากร่างกายของเราจะต้องการวิตามิน ที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต่อต้านอนุมูลอิสระ และสร้างคอลลาเจนที่มีประโยชน์ในการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกายที่สึกหรอ เช่น กระดูก ฟัน และปัญหาด้านผิวหนัง เช่น ผิวคล้ำเสีย แต่วิตามินเป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จะได้จากการทำงานของการย่อย ดูดซึม หรือการคัดกรองต่างๆ เพื่อนำวิตามินเข้าสู่ร่างกายเท่านั้น เช่น การทานอาหารต่างๆ อาจมาจากผัก ผลไม้ หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของวิตามินเป็นหลักแต่การทานอาหารร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินได้แค่ 50% จึงมีการคิดค้นการฉีดวิตามินขึ้นมาเพื่อให้ร่างกายได้รับสารวิตามินมากขึ้น โดยการฉีดวิตามินผ่านทางหลอดเลือดดำเพราะสามารถดูดซึมได้ถึง 90%

2. ฉีดวิตามินผิวแล้วดียังไง?

1)      ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรง ดูเปล่งปลั่ง ดูสดชื่น

2)      ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีมากขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการหวัด และโรคภูมิแพ้

3)      ช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส

4)      ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ

5)      ช่วยซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น กระดูก ฟัน ผิวหนัง

3. การฉีดวิตามิน เหมาะกับใคร?

ทุกคนสามารถทำการฉีดวิตามินได้หากต้องการ  แต่สำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายในระยะเวลารวดเร็ว เช่น ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวเสียสมดุล ไม่สดใส อยากให้ผิวขาวกระจ่างใส และผู้ที่ระบบภูมิต้านทำงานบกพร่อง เป็นหวัด โรคภูมิแพ้ การฉีดวิตามินนี้ก็สามารถเป็นทางเลือกให้กับคนที่ต้องการเติมวิตามินให้กับร่างกายได้

4. ก่อนฉีดผิวเตรียมตัวยังไงบ้าง?

1)      ตรวจสอบประวัติคลินิก อ่านรีวิว และสอบถามจนเชื่อได้ว่าเป็นคลินิกที่มีหมอหรือพยาบาลที่เชี่ยวชาญจริง

2)      อย่าเชื่อโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง เช่น ฉีดแล้วผิวขาวกระจ่างใสภายใน 5 นาที และควรเตรียมตัวศึกษาข้อดี-ข้อเสียอย่างละเอียด

3)      เตรียมร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

4)      หากมีประวัติการแพ้ยา หรือมีโรคประจำตัวควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการฉีดผิว

5)  เข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินสภาพผิว และปรับสูตรตัวยาที่เหมาะสม ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบยาแท้ที่ใช้ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกับทางแพทย์ได้โดยตรง

5. ขั้นตอนการฉีดผิว น่ากลัวไหม?

การฉีดวิตามินมีขั้นตอนไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่นาน เบื้องต้นคนไข้จะต้องตรวจวัดความดัน ชีพจร ซักประวัติการแพ้ยา น้ำหนัก ส่วนสูง หลังจากนั้นหมอจะปรับสูตรวิตามิน ให้ตรงกับปัญหาผิว และความต้องการของคนไข้

วิธีฉีดวิตามินที่นิยมใช้มี 2 วิธี ดังนี้

1)    การเติมวิตามินด้วยเข็มไซลิงก์ ฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดดำบริเวณข้อมือ ข้อพับแขน ประมาณ 10 – 15 นาที หรือจนกว่าวิตามินจะหมดหลอด โดยไม่มีการนำวิตามินผสมกับน้ำเกลือ

2)  แบบน้ำเกลือ เป็นการผสมวิตามินกับน้ำเกลือในปริมาณเหมาะสม แล้วให้สารอาหารไหลผ่านสายน้ำเกลือเข้าสู่เส้นเลือด แล้วรอจนกว่าน้ำเกลือจะหมด

6. หลังฉีดวิตามินผิวดูแลตัวเองยังไง ไม่ให้ผิวกลับมาคล้ำ

1)      หากอาการบวมแดงเกิดขึ้นมากกว่า 1-2 วัน ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเบื้องต้นและรักษาตามอาการ

2)      หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์

3)      หลังฉีดทันที ควรเลี่ยงกิจกรรมเกี่ยวกับผิว เช่น การนวด

4)      ถ้าอยากให้ผิวขาวกระจ่างใส ควรดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมากๆ เพราะจะเป็นการช่วยดีท็อกซ์ผิวจากภายใน และทานอาหารที่ช่วยเสริมให้ผิวดีให้มากขึ้น

5)  ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป เพื่อป้องกันแดดที่อาจทำร้ายผิวได้

7. ฉีดผิวที่ไหนดี เลือกไม่ถูก

ก่อนตัดสินใจฉีดควรศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับตัวยาที่ใช้ได้ ราคาสมเหตุสมผล และหากเข้าไปทำการฉีดแล้ว ควรตรวจสอบถึงความสะอาดในขั้นตอนต่างๆ และอุปกรณ์ที่ใช้ทำหัตถการ เมื่อฉีดวิตามินเข้าสู่กระแสเลือดแล้วอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

8. ผิวแห้ง ผิวดำ ฉีดวิตามินได้ไหม?

การฉีดวิตามินผิว สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวค่ะ และสำหรับคนที่ต้องการจะบำรุงผิวของตัวเองให้ดูสุขภาพดีขึ้น เช่น ผู้ที่มีสภาพผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวดำ เพราะวิตามินที่เราเติมนั้นจะเข้าไปช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์ผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม และผิวขาวขึ้นเป็นระดับ

9. ฉีดวิตามมินผิวแล้วขาวขึ้นจริงไหม ?

ปกติแล้วเมื่อเซลล์ผิวเราแข็งแรงขึ้น ผิวก็จะดีตามไปด้วย หรือเรียกว่าเป็นผิวที่ดีจากภายในสู่ภายนอก ผิวพรรณจะดูเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลขึ้น

จุดเด่นของการฉีดวิตามิน คือ วิตามินซีที่จะช่วยให้เม็ดสี Eumelanin ทำงานลดลง และ Nac ที่เป็นสารตั้งตั้นของ Glutathione พอเรามี Glutathione เยอะขึ้น เม็ดสีจาก Eumelanin ที่เป็นเม็ดสีคล้ำ จะเปลี่ยนเป็น Pheomelanin หรือเป็นเม็ดสีขาว ทำให้ระดับสีผิวจากสีคล้ำดูขาวใสเป็นธรรมชาติขึ้นตามระดับ ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรักษาและจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย

10. ต้องฉีดวิตามินผิวกี่ครั้งจึงจะเห็นผล

โดยปกติแล้วผลลัพธ์หลังฉีดวิตามินจะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน แนะนำให้ฉีดอย่างสม่ำเสมอกัน สัปดาห์ละครั้งในช่วงแรกถ้าอยากให้เห็นผลที่ชัดเจน เมื่อผิวเริ่มมีสุขภาพดีขึ้นแล้วก็สามารถทิ้งช่วงได้เป็นเดือนละ 1 ครั้งก็ได้ค่ะ ผลที่ได้จากการฉีดวิตามินจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน

11. หยุดฉีดวิตามินผิวแล้วจะกลับมาคล้ำไหม?

การฉีดวิตามินเป็นการนำวิตามินที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายเพื่อให้ผิวแข็งแรง หรือจากผิวแห้งกร้านกลับมาดูสุขภาพดีขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหากหยุดฉีดแล้วก็ไม่ได้ให้กลับมาผิวคล้ำ แต่จะขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา การดูแลผิว เช่น โดนแดดแรง

12. ฉีดผิวดีไหม อันตรายหรือเปล่า?

ถ้าถามว่า ” ฉีดผิวอันตรายไหม ” ขอตอบเลยว่า ” ไม่อันตรายค่ะ ” แต่สำหรับบางคนอาจมีอาการผื่นคันคล้ายกับการแพ้อาหารทะเล รอบดวงตาบวมเล็กน้อย หายใจลำบาก อาการแพ้แบบหายใจไม่สะดวก แพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิดและให้ยาวิตามิน หรือยาแก้แพ้ธรรมดาอาการก็สามารถหายได้ และจะสังเกตอาการหลังทำ 15-30 นาที อาการเหล่านี้จะพบได้น้อย หากไม่มีอาการแพ้ใด ๆ แล้ว มักจะปลอดภัยไม่อันตราย

แต่อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ อาจเกิดจากการ ฉีดวิตามินที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น การฉีด Glutathione เข้าสู่ร่างกายให้คนไข้โดยตรง เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีผิวที่รวดเร็ว และฉีดยาไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. หากมีการฉีดเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเส้นเลือดดำโดยตรงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงและอาการแพ้ได้ หรือการซื้อวิตามินผิวมาฉีดเอง หรือฉีดกับหมอกระเป๋าถือว่าเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก ดังนั้นทางที่ดีควรเลือกคลินิกฉีดวิตามินผิวที่น่าเชื่อถือที่ดูแลโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีมาตรฐานและใช้ของแท้ที่ปลอดภัยเท่านั้น

13. อาการแบบไหนอย่าเพิ่งฉีดวิตามินผิว

1)      คนที่มีภาวะความดันโลหิตผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตต่ำ

2)      คนที่มีเคยมีประวัติแพ้วิตามิน

3)      สตรีมีครรภ์ หรือ คุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร

4)      คนที่อยู่ในช่วงของการทานยาบางชนิด (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง)

5)  คนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ภาวะพร่องเอนไซม์ โรคหลอดเลือดและหัวใจ ภาวะเหล็กในร่างกายเกิน และ โรคมะเร็ง (อาจมีโรคอื่นๆรวมด้วย ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนทุกครั้ง)

สรุปแล้วการฉีดวิตามินเป็นการฉีดเพื่อเอาวิตามินที่เป็นประโยชน์กับร่างกายที่จะช่วยทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้น และช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก โดยวิตามินที่ได้รับจะเป็นสารสกัดที่มีความบริสุทธิ์มาก และผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. สำหรับใครที่อยากผิวสวย ผิวใส หรือผิวขาวกระจ่างใสขึ้น หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจว่า การฉีดวิตามินผิวคืออะไร ดียังไง และเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อยนะคะ สุดท้ายนี้แอดขอฝากว่า การมีสุขภาพผิวที่ดี ไม่ใช่ผิวที่ขาวใสเสมอไป แต่คือผิวที่สะอาด ไม่มีโรค ถึงเรียกว่า ผิวสุขภาพดี