ซิลิโคนเสริมจมูกอยู่ได้กี่ปี มีวันหมดอายุหรือไม่ นำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย หากผ่านไปนาน ๆ จำเป็นต้องแก้ไขหรือเอาออกไหม ในบทความนี้จะมาตอบคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดของซิลิโคนอย่างครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่นำมาใช้ผลิต ซิลิโคนอยู่ได้กี่ปี มีทั้งหมดกี่แบบ ความแตกต่างและความเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล รวมถึงผลลัพธ์ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้องในเรื่องของซิลิโคนกันมากขึ้นค่ะ
ซิลิโคนเสริมจมูกคืออะไร ผลิตจากอะไรบ้าง
ซิลิโคน คือ พลาสติกสังเคราะห์ ที่นำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่งานก่อสร้าง งานประกอบคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งนำมาใช้เพื่อศัลยกรรมเสริมความงาม อย่างไรก็ตามถึงสารตั้งต้นจะเป็นพลาสติกสังเคราะห์เหมือนกัน แต่กระบวนการผลิตนั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ซิลิโคนที่นำมาศัลยกรรม เรียกว่า Bio Medical Grade โดยซิลิโคนรูปแบบนี้ต้องได้รับการผลิตในห้องปราศจากเชื้อทุกขั้นตอน เพื่อป้องกันฝุ่นละออง สิ่งแปลกปลอม และสารปนเปื้อนต่าง ๆ รวมทั้งผ่านการทดสอบค่าความเป็นพิษในระยะยาวก่อนนำมาใช้งาน เพื่อให้สามารถนำมาใช้กับร่างกายมนุษย์ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ จึงมีความบริสุทธิ์ปลอดภัยสูงไร้สารก่อมะเร็ง รับรองว่าหากผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐาน ทันสมัย อยู่ในระบบปิดอย่างแท้จริง จะไม่ส่งผลเสียใด ๆ แน่นอนค่ะ
ซิลิโคนอยู่ได้กี่ปี ตลอดชีวิตเลยไหม
ซิลิโคนที่ใช้วัสดุคุณภาพ ผ่านมาตรฐานอย. หรือ Medical Grade หลังจากใช้เสริมจมูก เสริมคาง เสริมหน้าอก หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเข้าไปแล้วสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตค่ะ ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้ออะไร หรือผลิตจากประเทศใดก็ตาม มั่นใจได้ว่าใช้งานได้นานตลอดชีพ ไม่มีวันที่ซิลิโคนหมดอายุแน่นอนค่ะ
ซิลิโคนมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร
ซิลิโคนเสริมจมูก ทางการแพทย์จะมีทั้งหมด 2 แบบ ดังนี้
1. ซิลิโคนสำเร็จรูป ถูกกำหนดรูปทรงมาอย่างดี
เป็นซิลิโคนที่ขึ้นรูปร่างมาสำเร็จพร้อมใช้งานตามชื่อ ถูกกำหนดให้มีความกว้างและความยาวที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปก่อนนำมาใช้งานแพทย์จะปรับแต่งซิลิโคนเล็กน้อยเพื่อให้ได้รูปทรงที่เหมาะสมกับรูปร่างจมูกของแต่ละคน
ข้อดีของซิลิโคนสำเร็จรูป
- ได้รูปทรงที่แน่นอน เลือกได้ตามความต้องการ
- โอกาสเบี้ยวเอียงค่อนข้างน้อย
- ช่วยประหยัดเวลาในการผ่าตัด
ข้อเสียของซิลิโคนสำเร็จรูป
- มีข้อจำกัดในการใช้งานเยอะ เนื่องจากปรับแต่งรูปทรงได้น้อยกว่าซิลิโคนแบบเหลาใหม่
- ไม่ได้ออกแบบมาให้เหมาะกับทุกโครงสร้างจมูก ทั้งนี้หากแพทย์ฝีมือดีก็สามารถเหลาให้ออกมาเหมาะสมมากที่สุดได้เช่นกันค่ะ
2. ซิลิโคนแบบเหลาใหม่ ปรับทรงได้ดั่งใจ เข้ากับใบหน้า
ซิลิโคนมีลักษณะเป็นแผ่นใหญ่ขึ้นรูปมาส่วนหนึ่ง แพทย์จะทำการเหลาซิลิโคนด้วยตัวเองให้เหมาะกับทรงจมูกของแต่ละคน ก่อนนำมาใช้งาน
ข้อดีของซิลิโคนแบบเหลาใหม่
- สามารถปรับแต่งรูปทรงให้เหมาะสมกับโครงจมูกของแต่ละคนได้มาก
- ออกแบบรูปทรง ความโด่ง หรือปลายหยดน้ำตามความต้องการของคนไข้ได้ดีกว่าแบบสำเร็จ
- ไม่มีปัญหาซิลิโคนหมดอายุ
ข้อเสียซิลิโคนแบบเหลาใหม่
- ใช้เวลาในการเสริมจมูกนานกว่าแบบสำเร็จรูป
- แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญจริง ๆ ไม่เช่นนั้นอาจเหลาไม่สวยงาม ฝั่งซ้าย-ขวาไม่เท่ากัน จนเกิดปัญหาจมูกเบี้ยวเอียงภายหลังได้
เลือกซิลิโคนเสริมจมูกแบบไหนดี
ตัวซิลิโคน Bio Medical Grade มีความนิ่มและความแข็งต่างกันไปตามแต่การใช้งาน หากนำมาใช้ศัลยกรรมจมูกต้องถามตัวคนไข้ว่าอยากได้จมูกทรงอะไร โด่งมากแค่ไหน เน้นความเป็นธรรมชาติหรือความคมชัดค่ะ
ซิลิโคนแบบนิ่ม เน้นความธรรมชาติ
หากต้องการความสวยหวาน ละมุน ดูเป็นธรรมชาติไม่ต่างไปจากทรงจมูกเดิมมากนัก แต่มีความโด่งโค้งสวยรับกับใบหน้า ควรเลือกซิลิโคนแบบนิ่มค่ะ
ซิลิโคนแบบแข็ง โด่งชัด ยกระดับสันจมูก
หากต้องการทรงจมูกที่โด่งพุ่ง สันคมแบบชัดเจน ควรเลือกซิลิโคนแบบแข็งจึงจะตอบโจทย์
ทั้งนี้ ปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุด
ไม่ว่าจะต้องการจมูกโด่งเชิดหรือสไตล์ธรรมชาติก็ไม่ควรเสริมมากจนเกินความพอดี
กรณีใดบ้างที่ต้องเปลี่ยนซิลิโคนเสริมจมูก
ปัญหาจากซิลิโคนจะแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลยหากใช้วัสดุที่มีคุณภาพจริง แต่อาจมาจากสาเหตุอื่น
ทั้งนี้ตัวซิลิโคนเองจะสามารถอยู่ได้นานเท่าไรหรือจะต้องเปลี่ยนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้ที่เสริมจมูกเองด้วย รวมไปถึงขั้นตอนการผ่าตัดของแพทย์ว่าใช้เทคนิคที่ดีอย่างถูกต้อง และมีความชำนาญมากเพียงใด ถ้าหากคนไข้ดูแลรักษาดี รวมไปถึงเลือกศัลยกรรมจมูกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เท่านี้ก็ลดปัญหาเบี้ยว เอียง เสี่ยงทะลุ ไม่ต้องกลับมาเปลี่ยนใหม่แล้วค่ะ
สำหรับคนที่มีปัญหาต้องเปลี่ยนซิลิโคนจมูกใหม่ อาจเป็นเพราะความต้องการของตัวเองที่อยากปรับแก้ทรงจมูกใหม่ หรือบางเคสที่มีปัญหาก็อาจจะเป็นเพราะว่าดูแลรักษาไม่ดี รวมไปถึงเสริมจมูกฝืนเนื้อมากเกินไป ทำให้มีปัญหาอื่น ๆ ตามมาจนต้องแก้ไขใหม่ได้ อย่างเช่น จมูกเบี้ยว ปลายจมูกบาง หรือจมูกทะลุ ทางที่ดี ควรเลือกเสริมจมูกอย่างเหมาะสม ทำแบบสุดเนื้อแต่ไม่ฝืนเนื้อ และหลังจากทำจมูกแล้วก็ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เท่านี้ซิลิโคนจมูกก็จะอยู่กับคุณได้ตลอดชีวิตแล้วค่ะ
ปัญหาต่าง ๆ ที่พบหลังการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนนั้นเกิดจาก 2 ปัญหาหลัก คือ จากตัวผู้เข้ารับการรักษา และ จากแพทย์ผู้ทำศัลยกรรม ดังนี้ค่ะ
1. ปัญหาจากผู้เข้ารับการรักษา
- ปฏิกิริยาของร่างกาย
เนื่องจากซิลิโคนเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ใส่ไปในร่างกาย ร่างกายจึงสร้างพังผืดมาหุ้มรอบซิลิโคน เพื่อแยกซิลิโคนออกจากเนื้อเยื่อในร่างกายของเรา เป็นกลไกป้องกันตัวเองโดยธรรมชาติ
สิ่งที่มักพบเมื่อมีพังผืดเป็นระยะเวลานาน คือการหดตัว หดรั้งของพังผืด แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุของการหดรั้งที่แน่ชัด แต่คาดว่าอาจเกิดจากกระบวนการอักเสบ หรือการติดเชื้อในปริมาณเล็กน้อยหลังการทำศัลยกรรม รวมถึงพื้นผิวของซิลิโคนที่ขรุขระ เมื่อเกิดการเสียดสี ก็สามารถกระตุ้นกระบวนการอักเสบได้เช่นกันค่ะ
เมื่อเกิดการหดรั้งของพังผืด ไม่ว่าจะเป็นการหดรั้งทางใด ก็สามารถสร้างปัญหาขึ้นได้ เช่น การหดรั้งรอบซิลิโคน จะทำให้เห็นขอบซิลิโคนชัดขึ้น หรือเห็นเป็นแท่งซิลิโคนได้จากภายนอก หรือการหดรั้งในแนวยาว จะทำให้ปลายจมูกสั้นหรือเชิดขึ้น และทำให้ผิวหนังทั้งปลายจมูกและสันจมูกบางลงได้ อีกปัญหาหนึ่งก็คือการเกิดหินปูนเกาะที่ผิวของพังผืด ซึ่งไม่เกี่ยวกับซิลิโคนหมดอายุค่ะ
- ดูแลรักษาไม่ดี
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการดูแลตัวเองที่ไม่ดีพอ เช่น ขาดวินัยในการรักษาความสะอาด หรืออาจจะได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงโดยไม่ตั้งใจ เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือ การไอจาม วิธีหลีกเลี่ยงที่ดีคือระวังตัวให้มากและไม่พาตัวเองไปพื้นที่เสี่ยงจาม ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำจมูกติดเชื้อเอาได้ง่าย ๆ ค่ะ
- อายุมากขึ้น ซิลิโคนชัดขึ้นด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปพอเริ่มแก่ตัวลง ผิวหนังของเราจะบางลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้มองเห็นซิลิโคนชัดเจนแม้มองด้วยตาเปล่า อีกทั้งกล้ามเนื้อบริเวณที่ซิลิโคนยึดเกาะอยู่ก็อ่อนแรง หย่อนยานไปตามวัย ไม่สามารถพยุงน้ำหนักได้ดีเหมือนเดิม ส่งผลให้ซิลิโคนเคลื่อนตัวต่ำลงค่ะ อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าหลังเสริมจมูกไปแล้วหลายสิบปี ต้องกลับมาเปลี่ยนใหม่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินให้ว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหน เพราะในเรื่องของซิลิโคนจมูกมีวันหมดอายุไหม ย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีค่ะ สำหรับซิลิโคนรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน อายุการใช้งานจะอยู่ได้ถาวรเลย
2. แพทย์ไม่เชี่ยวชาญมากพอ
- ใช้ซิลิโคนเสริมจมูกผิดวิธี
สาเหตุมาจากแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ วางซิลิโคนผิดตำแหน่ง เช่น ไม่ได้วางซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูกบริเวณสันจมูก ทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนลอยและโยก อีกบริเวณคือที่ปลายจมูก เนื่องจากปลายจมูกเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะพูด ยิ้ม เคี้ยวอาหาร ที่ทำให้ผิวหนังเกิดแรงตึงมาก ๆ ร่วมด้วย จนเกิดการเสียดสีทำให้มีปัญหาเนื้อบางหรือทะลุตามมาได้ อีกทั้งการมีซิลิโคนที่ปลายจมูกยังเกิดแรงกดทับต่อกระดูกอ่อนปลายจมูกทำให้ปลายจมูกงุ้มลง ทรุดลงได้เช่นกัน
- ไม่เหลาฮัมพ์ก่อนวางซิลิโคน
ฮัมพ์ (Nasal Hump) คือ กระดูกบริเวณสันจมูกที่โก่งนูนขึ้นมา พบได้บ่อยในเพศชายและชาวตะวันตก หากแพทย์ไม่ได้เหลาฮัมพ์ให้เรียบก่อนวางซิลิโคนลงไป อาจเกิดปัญหาสันจมูกบาง แดง จนต้องกลับมาแก้ไขใหม่ในอนาคตค่ะ
อ่านข้อมูลเรื่องฮัมพ์จมูกเพิ่มเติมได้ที่บทความฮัมพ์จมูกคืออะไร ต้องตะไบทุกครั้งไหม ก่อนเสริมจมูก
- เลือกขนาดซิลิโคนไม่เหมาะสม
หากคนไข้มีเนื้อจมูกน้อย การใส่ซิลิโคนเสริมจมูกขนาดใหญ่เกินกว่าที่ผิวจมูกจะรับไหว เมื่อเวลาผ่านไปแรงกดบริเวณผิวจะสะสมขึ้นเรื่อย ๆ จนมองเห็นเป็นปลายบางใสและอาจทะลุได้ค่ะ
สรุปได้ว่าสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนซิลิโคนนั้นมาจากปัจจัยอื่น ๆ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากซิลิโคนหมดอายุอย่างที่บางคนเข้าใจแต่อย่างใด
ขั้นตอนการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน
ขั้นตอนการเสริมจมูกแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ เสริมจมูกแบบปิด และ เสริมจมูกแบบเปิด ดังนี้ค่ะ
เสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
- แพทย์ทำการฉีดยาชา
- ลงมือผ่าตัด บริเวณรูจมูกด้านใน
- นำซิลิโคนเสริมเข้าไป
- ใช้ไหมเย็บปิดแผลที่ผ่าตัด
เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
- แพทย์ทำการฉีดยาชา
- ลงมือผ่าตัด บริเวณใต้จมูกส่วนปลายด้านนอก
- ปรับแต่งโครงสร้างภายในจมูก
- นำซิลิโคนเสริมเข้าไป
- เย็บปิดแผลด้วยไหม
ข้อควรปฏิบัติก่อนเสริมจมูก
- สระผมให้สะอาด เพราะศรีษะห้ามโดนน้ำหลังเสริมจมูก
- งดทานอาหารเสริมบางชนิด 7 วัน
- งดแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดทานยากลุ่มแอสไพริน วิตามินอี อย่างน้อย 7-10 วัน
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวกับแพทย์ก่อนเสริมจมูก
ข้อควรปฏิบัติหลังเสริมจมูก
- ประคบเย็น 3 วัน ประคบอุ่น 3 วัน
- นอนให้ถูกท่า ใช้หมอนล็อกคอช่วย 1 เดือน
- ทำความสะอาดแผลสม่ำเสมอ
- ทานยาที่คลินิกจัดเตรียมให้
- งดอาหารต้องห้าม เช่น อาหารหมักดอง อาคารเค็มรสจัด และอาหารทะเล
- งดบุหรี่และแอลกอฮอล์ 1 เดือน
- สระผมที่ร้านทำผม ลดโอกาสติดเชื้อ
- ตัดไหมหลังผ่าตัด 14 วัน
- หลังเสริมจมูก 14 วัน เราควรใช้คลีนซิ่ง โทนเนอร์ หรือน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดใบหน้า
เลือกเสริมจมูกที่ไหนดี เพื่อสิ่งที่ดีสำหรับตัวเอง
- คลินิกได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย
นำเข้าซิลิโคนเสริมจมูก และเครื่องมือที่ใช้มีประสิทธิภาพผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีความน่าเชื่อถือสามารถตรวจสอบได้ โดยนำชื่อคลินิกและเลขใบอนุญาต 11 หลักที่เขียนอยู่ในใบอนุญาตประกอบการ มาตรวจสอบในเว็บไซต์ ที่นี่ ค่ะ
- แพทย์มากประสบการณ์
วิเคราะห์หรือประเมินปัญหาจมูกของคนไข้เคสต่อเคสอย่างละเอียด ให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา และต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากสภาวิชาชีพของแพทย์ หรือ แพทยสภา สามารถตรวจสอบได้ ที่นี่ ค่ะ
- เทคนิคที่เลือกใช้น่าสนใจ
เทคนิคพิเศษและประสบการณ์ของแพทย์ จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงโอกาสบวมช้ำหลังเสริมน้อยกว่าเทคนิคธรรมดา
- ราคาสมเหตุสมผล
เครื่องมืออุปกรณ์และการบริการทางการแพทย์ย่อมมีราคาต้นทุนตามมาตรฐานอยู่แล้ว หากราคาถูกจนน่าสงสัย อาจเกิดปัญหาซิลิโคนเสื่อมสภาพหรือซิลิโคนหมดอายุได้เพราะไม่ใช่ของที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
- รีวิวจากลูกค้าจริง
การดูรีวิวประกอบการตัดสินใจเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนจะเลือกคลินิก แต่สิ่งที่อยากจะเตือนคือ อย่าพึ่งเชื่อรีวิวการตลาด ที่อาจแต่งรูปเพิ่มเติมให้ดูดีกว่าความจริง แนะนำว่าให้ดูรีวิวหลาย ๆ แบบประกอบกันทั้งรูปภาพและวิดีโอ หรือไลฟ์สดหลังทำทันทีจะน่าเชื่อถือมากที่สุดค่ะ
- ติดตามดูแลหลังเสริม
คลินิกควรมีบริการติดตามอาการและผลลัพธ์หลังทำจมูก เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจเรื่องความปลอดภัย และหากมีอะไรผิดปกติก็จะสามารถเข้ารับการรักษาได้ทัน
ยืนยันอีกครั้งว่าซิลิโคนหมดอายุ ไม่มีอยู่จริงค่ะ หากเป็นวัสดุทางการแพทย์รุ่นใหม่ที่ผ่านการพัฒนามาแล้ว สาเหตุที่คนไข้บางรายต้องเปลี่ยนซิลิโคนมาจากความต้องการของตัวเอง และปัจจัยที่เกิดขึ้นโดยรอบซิลิโคนทั้งนั้น ไม่ได้เกิดจากอายุการใช้งานของตัวซิลิโคนเอง หากเลือกใช้ซิลิโคนที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีความชำนาญวางซิลิโคนเสริมจมูกถูกตำแหน่งอย่างแม่นยำ ทำการศัลยกรรมในสถานที่สะอาด และคนไข้ให้ความร่วมมือ ใส่ใจดูแลรักษาตัวเอง ระมัดระวังหลังทำการรักษาเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันปัญหาจมูกเบี้ยว เอียง หรือทะลุ ก็ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมากเลยค่ะ