ฉีดฟิลเลอร์ ตัวเลือกแก้ไขปัญหาใต้ตา ตาลึก ตาโหล ขอบตาดำ ถุงใต้ตา ทำให้หน้าดูโทรมและไม่สดใส ที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ และยังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ  โดยเฉพาะคนที่เริ่มมีอายุ เพราะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังทำ ด้วยระยะเวลาในการเติมเต็มใต้ตาให้อิ่มฟู ดูสดชื่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างชัดเจนทันทีหลังฉีด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตาแบบไม่ต้องใช้เวลานาน สำหรับใครที่ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาก่อน ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาดค่ะ

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร แก้ใต้ตาดำกลับมาสดใสได้จริงไหม?

ฟิลเลอร์ใต้ตาดำ

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปเติมเต็มบริเวณใต้ตาในจุดที่มีปัญหา เช่น ใต้ตาหย่อนคล้อย เบ้าตาลึก ตาโหล ขอบตาดำ ดูโทรมไม่สดใส โดยสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) มีคุณสมบัติอุ้มน้ำอยู่ที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นชั้นผิวให้มีการสร้างคอลลาเจน  โดยสารในฟิลเลอร์จะช่วยให้ผิวใต้ตากลับมากระจ่างใสขึ้น และยังช่วยเติมเต็มใต้ดวงตาให้อิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ

7 สาเหตุใต้ตาดำแบบนี้ เป็นเพราะอะไรกันนะ?

  1. การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้มากที่สุด เช่น การนอนไม่เป็นเวลา นอนหลับไม่เพียงพอ นอนดึกเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน และการอดนอน พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ผิวบริเวณใต้ตาคล้ำขึ้น
  2. การอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้ดวงตาล้า เส้นเลือดใต้ตาจึงขยายตัวจนสังเกตได้เป็นรอยคล้ำใต้ตาได้
  3. การดื่มน้ำน้อยเกินไป หลายคนอาจเคยได้ยินว่าการดื่มน้ำน้อยจะส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ส่งผลให้ใต้ตาเหี่ยวย่นได้เหมือนกัน และหากใต้ตาขาดความชุ่มชื้น จะทำให้ใต้ตาเป็นหลุมหรือร่องลึกได้
  4. โดนแสงแดดมากเกินไป การอยู่บริเวณกลางแจ้งหรือโดนแดดเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ผิวหนังเกิดการผลิตเม็ดสีผิว (Melanin) เป็นจำนวนมาก ผิวบริเวณใต้ตาจึงมีสีคล้ำขึ้นได้
  5. อายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากอายุที่มากขึ้น เป็นปกติของร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง และส่วน Tear through ที่อยู่ใกล้ร่องน้ำตา กับ Hollow Under Eye ตรงเบ้าตายุบตัวลง การสลายตัวของเนื้อเยื่อและไขมัน เมื่อเจอแสงเงายิ่งมองเห็นชัดเจนว่าตาโหล เบ้าตาลึกขึ้น
  6. พันธุกรรม สาเหตุนี้ก็ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากเช่นกันค่ะ เนื่องจากบางคนมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม อย่างเช่น เม็ดสีที่ผลิตออกมามากเกินไป หรือเป็นโรคไทรอยด์
  7. ภูมิแพ้ใต้ตา คือ การที่ผิวบริเวณใต้ดวงตามีสีดำคล้ำจากโรคภูมิแพ้ 
  • ภูมิแพ้จมูกอักเสบ : ทำให้เยื่อบุจมูกบวม จะมีอาการคันตา เคืองตาเลือดดำจึงคั่งอยู่บริเวณใต้ตา ทำให้เผลอขยี้ตาแรง ๆ
  • ภูมิแพ้ตา : ส่งผลให้เกิดอาการคันตาเช่นกัน และตามมาด้วยพฤติกรรมติดขยี้ตาจนทำให้ผิวหนังรอบดวงตารวมถึงใต้ตาดำคล้ำ

ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยให้คอลลาเจนใต้ตาที่สลายไปและร่องลึกบริเวณใต้ตากลับมาตื้น เต่งตึงขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาอื่น ๆ อีก คือ 

  • ช่วยให้ใต้ตาที่คล้ำ บริเวณขอบตาที่ดำ ดูกระจ่างใสขึ้น
  • ช่วยให้บริเวณใต้ตาเป็นหลุมลึก ดูโหล ที่ทำให้หน้าดูมีอายุให้กลับมาอ่อนเยาว์  
  • ช่วยให้ถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อย กลับมาดูอิ่มฟู สุขภาพดี
  • ช่วยปรับโหงวเฮ้ง ให้ใบหน้าดูเอิบอิ่ม 

ใต้ตาดำ แต่ไม่เป็นร่องลึก แก้ยังไงให้ตรงจุด?

  • สำหรับคนที่ใต้ตาเป็นร่องลึกและดำ
    ฟิลเลอร์จะช่วยเข้าไปเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปบนใบหน้าให้อิ่มฟูขึ้น อย่างเช่น ใต้ตาดำเป็นร่องลึกเปรียบเสมือนหลุมดำลึกที่เมื่อกระทบกับเเสงก็จะดูดความหมองคล้ำทำให้หน้าโทรม เเต่เมื่อหลุมดำถูกเติมเต็ม ความอิ่มฟูก็จะช่วยทำให้ความหมองคล้ำค่อย ๆ จางลงในที่สุด
  • สำหรับคนที่ใต้ตาดำแต่ไม่มีปัญหาใต้ตาเป็นร่องลึก
    Filorga ใต้ตา จะช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ ฟื้นฟูผิวใต้ตาให้สุขภาพดีและขาวได้ดีกว่าฟิลเลอร์ใต้ตาค่ะ

ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร?

  1. เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาใต้ตาดำคล้ำ ถุงใต้ตา 
  2. เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับใต้ตา ต้องการที่จะแก้ไขโดยไม่ผ่าตัด
  3. เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น เวลาต้องการรักษาใต้ตา
  4. เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว และอยู่ได้นานด้วย
  5. เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ใต้ตาต้องฉีดกี่ cc กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานเท่าไหร่?

ฉีดกี่ CC คุณหมอจะเป็นคนประเมินปริมาณในการฉีดใต้ตาให้ค่ะ เนื่องจากแต่ละคนปัญหาใต้ตาจะมากน้อยไม่เท่ากัน เช่น บางคนมีปัญหาบริเวณใต้ตายุบลงลึกมาก คุณหมอจะแนะนำให้ฉีด 2 CC ค่ะ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ประมาณ 1-2 CC ก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาใต้ตาได้ทั่วถึง และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนทันทีหลังทำการฉีด และสามารถเห็นความแตกต่างของผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนใน 2-3 สัปดาห์ค่ะ

ผลลัพธ์หลังการฉีดส่วนใหญ่จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานขนาดไหนจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ด้วยค่ะ ดังนั้นการเลือกใช้ยี่ห้อจึงเป็นสิ่งสำคัญของผลลัพธ์นั่นเองค่ะ

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี?

การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ในการฉีดก็สำคัญไม่แพ้เทคนิคการฉีดของแพทย์เลยค่ะ เหตุผลเพราะอะไร สรุปมาให้แล้วค่ะ เพื่อการตัดสินใจในการเลือกฉีดได้อย่างเหมาะสมกับตัวเราเองมากที่สุดค่ะ Belotero และ Juvederm คือยี่ห้อที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้ฉีดค่ะ

ฟิลเลอร์

Juvederm 

ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับความนิยมจากแพทย์ทั่วโลกในการนำมาใช้ปรับรูปหน้า ผลิตโดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิต Botox Allergan เป็นฟิลเลอร์ที่แพทย์แนะนำเป็นอย่างมาก Juvederm Voluma ยี่ห้อนี้จะเป็นฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาสูงกว่าแบบอื่น เนื่องจากรุ่นนี้จะมีเนื้อที่ละเอียด เนื้อเจลบางเบา มีความเข้มข้นของ HA ต่ำ เหมาะกับการฉีดผิวบาง เพื่อลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา และบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื่น อิ่มฟู ใบหน้าโดยรวมดูกระจ่างใสขึ้น 

ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ให้ผลลัพธ์หลังฉีดอยู่ได้นานถึง 18 เดือน

ฟิลเลอร์

Belotero 

ฟิลเลอร์ Belotero เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์แท้ จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในประเทศไทยนำเข้าโดยบริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่ยี่ห้อนี้ก็มีหลายรุ่น ดังนั้นรุ่นที่เหมาะกับการฉีดใต้ตาคือ Belotero รุ่น volume เพราะเนื้อฟิลเลอร์ มีความยืดหยุ่นและคงตัว ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้ดี และสามารถใช้ฉีดเสริมกระดูกและเนื้อเยื่อผิวหนังที่ยุบตัวลงตามวัยได้ 

ฟิลเลอร์ตัวนี้สามารถให้ผลลัพธ์หลังฉีดอยู่ได้นานถึง 18 เดือน

ฟิลเลอร์

ส่วนฟิลเลอร์ Neuramis เป็นฟิลเลอร์เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากประเทศเกาหลี แต่ไม่แนะนำให้ฉีด ถึงเนื้อเจลจะมีประสิทธิภาพในการคงตัวค่อนข้างสูง แต่ไม่เหมาะกับการฉีดเติมเต็มบริเวณใต้ตา เพราะใต้ตาจะมีผิวที่ตื้น หากฉีดไปอาจทำให้ใต้ตาเป็นก้อนได้ 

ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา

ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา ส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 9,900 บาท แต่ราคาจะขึ้นอยู่กับความมากน้อยของปัญหาใต้ตา เทคนิคการฉีด รวมถึงโปรโมชั่นของคลินิกนั้น ๆ ค่ะ 

ยี่ห้อฟิลเลอร์ราคา
ฟิลเลอร์ Belotero12,900 บาท
ฟิลเลอร์ Juvederm9,900 บาท

✨ อ่านคู่มือเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ดีที่สุดที่นี่

ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม ฉีดแล้วเป็นก้อนรึป่าว?

เป็นปกติที่ใครหลาย ๆ คนจะเป็นห่วงว่าการฉีดใต้ตาจะอันตรายไหม ฉีดแล้วใต้ตาเป็นก้อนหรือเปล่า เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นผิวที่ค่อนข้างบางและใกล้ดวงตา หรือเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ดังนั้นจึงน่าเป็นห่วงบ้าง แต่ขอตอบเลยว่า ฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน หากแพทย์ที่ทำการฉีดให้นั้นมีความชำนาญในการฉีด และฟิลเลอร์ที่ได้รับเข้ามาปลอดภัย และสารที่นำมาฉีดเป็นกรดไฮยาลูโรนิค เอซิด ( Hyaluronic Acid ) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว จึงไม่เป็นอันตรายค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี?

ฉีดฟิลเลอร์
  1. ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ที่ทำการฉีด สามารถตรวจสอบได้ที่ลิงก์นี้ : https://www.tmc.or.th/check_md/ 
  2. ทีมแพทย์และพยาบาลต้องมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ ในการฉีดใต้ตา
  3. แพทย์ที่ทำการฉีดให้ต้องสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาใต้ตาได้อย่างตรงจุด
  4. คลินิกต้องมีใบอนุญาต สะอาด ปลอดภัย ตรวจสอบรายชื่อคลินิกที่ได้รับอนุญาต : http://privatehospital.hss.moph.go.th 
  5. ฟิลเลอร์และอุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดต้องปลอดภัย ทันสมัย สะอาด ตรวจสอบเครื่องมือแพทย์ได้ที่นี่ : https://www.fda.moph.go.th/sites/Medical/SitePages/Ministry_of_Health.aspx 
  6.  ราคาคุ้มค่าสมเหตุสมผล
  7. สามารถติดต่อได้สะดวก ทั้งก่อนและหลังรับบริการ
  8. รีวิวหลังฉีดจากลูกค้าจริง และไม่เกินจริง
  9. คลินิกต้องเดินทางสะดวกสบาย สามารถขอนัดพบได้หากมีปัญหา 
  10. มีประกันหลังการรับบริการไปแล้ว 

✨ อ่านฟิลเลอร์ทั้งที ทำที่ไหน ราคาเท่าไหร่ถึงเรียกว่าดีได้ที่นี่

ก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ดูแลตัวเองยังไง?

การดูแลตัวเองก่อนฉีดฟิลเลอร์

  1. ศึกษาเกี่ยวกับฟิลเลอร์ ทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างละเอียด
  2. เลือกคลินิกที่ปลอดภัย ได้รับมาตรฐาน มีใบรับรอง
  3. ดูรีวิวหลังฉีด
  4. ควรงดยา แอสไพริน NSAIDร งดวิตามิน และยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว 
  5. งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

  1. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบริเวณที่ฉีด
  3. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมบางชนิด และยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามิน แอสไพริน
  4. ดื่มน้ำให้มาก 
  5. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาดำ
ฟิลเลอร์ใต้ตาดำ
ฟิลเลอร์ใต้ตาดำ
ฉีดฟิลเลอร์